Category ข่าววันนี้

กองทัพเรือ ไม่ท้อค้นหา 5 กำลังพลต่อเนื่อง

กองทัพเรือ ยันชิ้นส่วนเนื้อ-กระดูกที่เจอ ไม่ใช่ของมนุษย์ ไม่ท้อค้นหา 5 กำลังพลต่อเนื่อง

กองทัพเรือ ยังรวมกำลังค้นหา 5 กำลังพลหาย ร.ล.สุโขทัย สม่ำเสมอ รับรององค์ประกอบเนื้อ และโครงกระดูกที่พบ ไม่ใช่ของคน

8 เดือนมกราคม 66 เวลา 11.30 น. พลเรือเอก ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เผยออกมาว่า เดี๋ยวนี้ กองทัพเรือยังคงดำเนินงานค้นหาผู้หายสาบสูญ จากเรือหลวงสุโขทัยอับปาง อย่างต่อเนื่อง

โดยเฉพาะตามแนวชายฝั่ง ซึ่งรับความร่วมมือจาก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ศรชล.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ศรชล.จังหวัดชุมพร รวมทั้ง ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เข้าดำเนินการค้นหา และช่วยเหลือผู้หายสาบสูญ บนเกาะต่างๆ

โดยเดี๋ยวนี้ยังคงมีอุปสรรคจากคลื่นลมที่มีกำลังแรง อันเป็นผลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และสมุทรอันดามัน เป็นปัญหาในการค้นหาของเรือขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามตลอดวานนี้ ได้มีการจัดชุดค้นหาทั้งบนผิวน้ำรวมถึงการเดินเท้าตรวจตามชายฝั่ง และเกาะต่างๆในพื้นที่จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี จนถึงในเวลานี้ ยังไม่พบผู้หายสาบสูญแต่อย่างใด

จากภาวะ คลื่นลมในทะเลอ่าวไทยที่มีกำลังแรง ทำให้เมื่อวันที่ 7 เดือนมกราคม 66 เวลา 13.00 น. ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศรชล.จ.สุราษฎร์ธานี) ได้รับแจ้งว่า เรือลาก (Tug Boat) ชื่อ พีแอล อาร์เธน่า (PL ARTHENA) ได้ขอความช่วยเหลือ เพราะว่ามีน้ำเข้าเรือ และเครื่องยนต์ใหญ่ดับ อยู่รอบๆตอนบนเกาะพะงัน

ก็เลยผสานส่งเรือตรวจประมง 320 เรือตำรวจน้ำ เรือ ปภ.จากเกาะสมุย เดินทางไปช่วยเหลือ ในขณะที่ ทัพเรือภาคที่ 2 ได้จัด เรือ ต.114 ออกให้การส่งเสริมช่วยเหลือ พร้อมเครื่องสูบน้ำ ท่ามกลาง คลื่นทะเลพัดแรง

ถัดมาในเวลา 13.30 น. เรือประมงชื่อ ณปภา ซึ่งอยู่ใกล้เรือเกิดเหตุมากที่สุดได้เข้าให้การช่วยเหลือลูกเรือ พีแอลอาร์เธน่า ที่สละเรือ และอยู่บนแพช่วย ทั้ง 9 คนได้อย่างปลอดภัย แล้ว เรือ ต.114 ได้เข้าไปรับลูกเรือทั้งหมด ขึ้นฝั่งที่สถานีเรือสมุย ทัพเรือภาคที่ 2 ต.ลิปะน้อย อ.เกาะสมุย โดยในจำนวนนี้ มีผู้ป่วย 2 ราย จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเกาะสมุย เพื่อกระทำการรักษาต่อไป

ทัพเรือ ยันชิ้นส่วนเนื้อ กระดูกที่เจอ
ในส่วนของการค้นหากำลังพล กองทัพเรือ จากเหตุการณ์เรือหลวงจังหวัดสุโขทัยอับปางนั้น

ผลการปฏิบัติจนกระทั่งในช่วงเวลานี้ ยังไม่มีการพบผู้หายสาบสูญเพิ่ม ซึ่งหากมีความคืบหน้าทางสำนักงานโฆษกกองทัพเรือ แจ่มแจ้งให้รู้ และโอกาสถัดไป

ทั้งนี้ในส่วนของกระแสข่าวว่า ได้มีการตรวจเจอส่วนประกอบของโครงกระดูกและชิ้นเนื้อ รอบๆหาดนางลอย อำเภอท่าชนะ จังหวัดสุราษฎร์ธานี นั้น ทางเจ้าหน้าที่ได้นำส่วนประกอบส่งให้กับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าชนะ และเจ้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานภาค 8 ที่เข้าขั้นตอนการตรวจชิ้นเนื้อ ที่โรงพยาบาลจังหวัดสุราษฎร์ธานีซึ่งล่าสุดได้รับแจ้งว่าส่วนประกอบดังกล่าว ไม่ใช่ชิ้นส่วนของคนแต่อย่างใด

คลื่นลมแรง เรือลากจูงอับปางกลางอ่าวไทย เรือ ต.114 ช่วยรับลูกเรือขึ้นบก

คลื่นลมแรง เรือลากอับปางกลางอ่าวไทย เรือ ต.114 ช่วยรับลูกเรือขึ้นบก ส่วนภารกิจค้นหา กำลังพลหาย ชุดค้นหาทั้งผิวน้ำ และเดินเท้าตรวจริมตลิ่ง ยังไม่เจอผู้หายสาบสูญเพิ่ม

ภารกิจค้นหากำลังพลหาย วันนี้ (8 มกราคม66) พล.ร.อ. ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า ปัจจุบัน กองทัพเรือยังคงทำงานค้นหาผู้สูญหายจาก เรือหลวงสุโขทัย อับปาง อย่างต่อเนื่อง

โดยยิ่งไปกว่านั้นตามแนวริมฝั่ง ซึ่งรับความร่วมแรงร่วมมือจาก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 1 (ศรชล.ภาค 1) ศรชล.จ.ประจวบคีรีขันธ์ ศรชล.จังหวัดชุมพร รวมทั้ง ชุดปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ เข้าปฏิบัติการค้นหา และช่วยเหลือผู้หายสาบสูญ บนเกาะต่างๆ โดยเวลานี้ยังคงมีอุปสรรคจากคลื่นลมที่มีกำลังแรง อันเป็นผลจากมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมอ่าวไทย และสมุทรอันดามัน เป็นปัญหาในการค้นหาของเรือขนาดเล็ก

การค้นหากำลังพลกองทัพเรือจากเหตุการณ์เรือหลวงจังหวัดสุโขทัยอับปางนั้น ผลการปฏิบัติตั้งแต่วานนี้จนกระทั่งวันนี้ (8 เดือนมกราคม66) เวลา 11.30 น. มีการจัดชุดค้นหาทั้งบนผิวน้ำรวมถึงการเดินเท้าสำรวจตามริมตลิ่ง และเกาะต่างๆในพื้นที่จังหวัดชุมพร และจังหวัดสุราษฎร์ธานี แต่ยังไม่เจอผู้สูญหายเพิ่ม

อย่างไรก็ตาม วานนี้ (7 เดือนมกราคม66) ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลจังหวัดสุราษฎร์ธานี (ศรชล.จ.สุราษฎร์ธานี) ได้รับแจ้งว่า เรือลากจูง (Tug Boat) ชื่อพีแอล อาร์เธนา ได้ขอความช่วยเหลือ เนื่องมาจากมีน้ำเข้าเรือ และเครื่องยนต์กลไกใหญ่ดับอยู่รอบๆตอนบนเกาะพะงัน จึงประสานส่งเรือตรวจประมง 320 เรือตำรวจน้ำ เรือ ปภ.จากเกาะสมุย เดินทางไปช่วยเหลือ ในขณะที่ ทัพเรือภาคที่ 2 ได้จัด เรือ ต.114 ออกให้การช่วยเหลือช่วยเหลือพร้อมเครื่องสูบน้ำ ท่ามกลางคลื่นทะเลพัดแรง

ถัดมาในเวลา 13.30 น. เรือ ประมงชื่อ ณปภา ซึ่งอยู่ใกล้เรือเกิดเหตุมากที่สุดได้เข้าให้การช่วยเหลือลูกเรือ พีแอลอาร์เธนา ที่สละเรือและอยู่บนแพช่วยเหลือ ทั้ง 9 คนได้อย่างปลอดภัย จากนั้น เรือ ต.114 ได้เข้าไปรับลูกเรือทั้งหมด ขึ้นฝั่งที่สถานีเรือสมุย ทัพเรือภาคที่ 2 ตำบลลิปะน้อย อำเภอเกาะสมุย โดยในจำนวนนี้มีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ 2 คน จึงได้นำตัวส่งโรงพยาบาลเกาะสมุย

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่า วานนี้ (7 มกราคม66) ตรวจพบชิ้นส่วนของโครงกระดูก และชิ้นเนื้อ รอบๆหาดนางลอย อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่ได้นำส่วนประกอบส่งให้กับตำรวจ สภ.ท่าชนะ กองพิสูจน์หลักฐานภาค 8 ส่งตรวจชิ้นเนื้อที่ โรงพยาบาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี ล่าสุดผลการตรวจพิสูจน์จากแพทย์ โรงพยาบาลท่าชนะ ระบุว่า เศษชิ้นเนื้อติดกระดูกดังกล่าวไม่ใช่ชิ้นส่วนมนุษย์ และไม่ทราบว่าเป็น กระดูกสัตว์ชนิดใด

เรือลากจูงอับปางกลางอ่าวไทย
‘ยังไม่สิ้นหวัง’ ทร.ปรับแผนค้นหากำลังพลเรือหลวงสุโขทัย

กองทัพเรือเร่งรัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจ่ายเงินเยียวยาช่วยเหลือกำลังพลที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากเหตุเรือหลวงสุโขทัยอับปาง ขณะที่การค้นหากำลังพลที่สูญหายอีก 5 นาย ยังดำเนินการต่อเนื่อง

แผนการค้นหากำลังพลเรือหลวงสุโขทัย ที่ยังสูญหายอีก 5 นาย วันนี้จะส่งทีมนักประดาน้ำจากกรมสรรพาวุธทหารเรือ นำกำลังพลเรือยางและอุปกรณ์ต่าง ๆ ไปสำรวจรอบเกาะรัง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อลงสำรวจใต้น้ำบริเวณจุดที่สงสัย เช่น พื้นที่โดยรอบเกาะและซอกหิน

นอกจากนี้ ยังชุดปฏิบัติการพิเศษของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ หรือ หน่วยซีล พร้อมเรือปฏิบัติการความเร็วสูง และเรือยาง ออกค้นหาบริเวณเกาะต่าง ๆ ได้แก่ เกาะแกลบ เกาะยูง เกาะหนู เกาะแมว และเกาะกุลา จังหวัดชุมพร

ส่วนกำลังของศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาคที่ 1 หรือ ศรชล. ภาค 1 จะค้นหาตั้งแต่ท่าเรือประจวบ อำเภอบางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปจนถึงอำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร เน้นการสำรวจตามชายหาด ขณะที่ เรือหลวงและอากาศยาน ยังให้ออกลาดตระเวนต่อเนื่องไปถึงจังหวัดสุราษฎร์ธานี

ความปลอดภัยไซเบอร์ 1

เจาะลึกความท้าทายใหม่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ปี 2023 ที่องค์กรต้องรู้

Trend Micro เปิดความท้าทายด้าน ความปลอดภัยไซเบอร์ ปี 2023 พร้อมชี้ Cybersecurity จะเป็นกลจักรสำคัญ ขับเคลื่อนองค์กรในอนาคต

ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา การทำดิจิทัลทรานส์ฟอร์เมชัน (Digital Transformation) เติบโตอย่างเร็วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ธุรกิจ นำเทคโนโลยีเข้ามามีหน้าที่สำคัญ สำหรับในการช่วยปรับปรุงธุรกิจ ให้เติบโตแบบก้าวกระโดด รวมถึงนำข้อมูล มาพินิจพิจารณาเพื่อส่งเสริมการตลาด และก็ รู้เรื่องลูกค้ามากขึ้น

ในขณะที่ลักษณะการทำงานของคน ถูกเปลี่ยนไปเป็นแบบรีโมทมากเพิ่มขึ้น (Remote Working) ทำให้ องค์กรทุกขนาด จะต้องปรับตัวกำหนดแผนการปฏิบัติงานผ่าน คลาวด์ (Cloud) มากขึ้น

นางสาวปิยธิดา ตันตระกูล ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท เทรนด์ไมโคร (ประเทศไทย) จำกัด พูดว่า จากข้อมูลของ Gartner ซึ่งเป็นบริษัทศึกษาค้นคว้า และก็ พินิจพิจารณาข้อมูลทางเทคโนโลยีสารสนเทศ ชั้นนำของโลก ระบุว่า ในปี 2025 องค์กรทั้งโลก จะใช้จ่ายกับคลาวด์มากเพิ่มขึ้น 20.4% ในขณะที่ประเทศไทย เติบโตขึ้นถึง 36.6%

เมื่อส่วนประกอบเบื้องต้นเดินหน้าไปสู่การใช้คลาวด์ ทำให้ระบบ Security เข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่า องค์กรต่างจำต้องรักษาข้อมูล (Data) ซึ่ง เป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจ ให้ไม่เป็นอันตราย

“เพราะฉะนั้นองค์กรที่ย้ายไปใช้คลาวด์ จะต้องวางแผนและดึงเรื่อง Security เข้ามามีบทบาทมากขึ้น จะต้องวางรากฐานด้านความปลอดภัยไว้ตั้งแต่เริ่มต้น”

ความปลอดภัยไซเบอร์ 2

เตรียมรับมือ ความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ Security ในปี 2023

เดี๋ยวนี้การปรับเปลี่ยนองค์กรสู่คลาวด์นั้น ยังมีความท้าทายจากพนักงานฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ ไม่ว่าจะเป็น การย้ายระบบต่าง ๆ จากเซิร์ฟเวอร์บริษัท (On Premise) ขึ้นไปใช้บนคลาวด์ การตั้งค่าต่าง ๆ บนคลาวด์ให้ Compile ตามมาตรฐานสากล GDPR ของสหภาพยุโรป แล้วก็ PDPA ของไทย รวมทั้งการศึกษาอุปกรณ์ (Tools) ต่าง ๆ จากคลาวด์หลาย ๆ รายพร้อม ช่วงเวลาเดียวกันยังจำเป็นต้องต่อกรกับความท้าทายใหม่ ๆ ที่จะเกิดขึ้น ในปี 2023 ซึ่ง ทาง Trend Micro ได้คาดเดาไว้ ดังต่อไปนี้

การนำ Tools ใหม่ ที่ไม่สอดคล้องกันมาใช้ จะทำให้เกิดโทษและส่งผลเสียรวมทั้งไม่ดีต่อองค์กร – ในตอน 3 ปีให้หลัง เทคโนโลยีใหม่ ๆ ถูกนำเข้ามาใช้อย่างรวดเร็วทันใจ ตอนที่ ผู้บริหาร หรือ พนักงาน ยังไม่คุ้นเคยกับระบบต่าง ๆ ทำให้ไม่มีความรู้ ด้านการบริหารข้อมูล

Ransomware จะรับมือยากขึ้น – การจู่โจมจะถูกเปลี่ยนจากการจู่โจมที่จุดเดียว เป็นการโจมตีแบบ Series หรือ กระจายกำลังจู่โจมหลายจุด ทำให้องค์กรรับมือได้ยากขึ้น และก็ การโจมตี จะไม่ใช่เพื่อความเพลิดเพลินอีกต่อไป แต่จะเป็นธุรกิจ หรือ ransomware-as-a-service ซึ่ง ถ้าเกิดประธาน แล้วก็ ผู้ใช้ไม่มีความรู้ จะถูกจู่โจมได้ง่ายขึ้น

ขอบเขตขององค์กร (Enterprise Perimeter) คือ ทุกหนทุกแห่ง – การจะเดินหน้าธุรกิจ องค์กรจำเป็นต้องรองรับการทำงาน แบบ Hybrid ซึ่ง การวางรากฐานให้ปฏิบัติงานจากที่ใดก็ได้นั้น จะมีความสำคัญมากยิ่งขึ้นในอนาคต เวลาเดียวกันจำเป็นต้องป้องกันการโจมตี ที่เกิดจากการทำงานแบบรีโมท ด้วยด้วยเหมือนกัน

ภัยคุกคามทางด้านสังคม (Social Engineering) จะพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้ง – การฉ้อโกงบนโซเชียลมีเดีย มีการพัฒนามากขึ้น ในปีให้หลังนั้นมีทั้งการส่งข้อความ โทรศัพท์มาปลอมตัว ว่าเป็นคนรู้จัก ซึ่ง คนพวกนี้ได้มอนิเตอร์พฤติกรรม รวมทั้ง เลือกหลอกเงิน ในปริมาณที่สามารถให้ได้ ซึ่งภัยรุกรามรูปแบบนี้ Trend Micro ได้คอยเตือนผู้ใช้อยู่ตลอด ในช่วงเวลา 3 ปี ก่อนหน้านี้

ช่องโหว่ (Vulnerabilities) จากโปรแกรม จะตกเป็นเป้าจู่โจม – การย้ายข้อมูลต่าง ๆ ขึ้นสู่คลาวด์ หลายองค์กรมักจะเลือกใช้โปรแกรม ที่เป็น Open – source มากขึ้นเรื่อยๆ โดยมิได้คิดถึงความปลอดภัย จากช่องโหว่ของโปรแกรม

โรงงานอุตสาหกรรม (Industrial) จะตกเป็นเป้ามากยิ่งขึ้น – อุตสาหกรรมในสมัย 4.0 นั้น ใช้ระบบออโตเมชัน แล้วก็ ระบบอินเทอร์เน็ต เข้ามาควบคุมการทำงานเป็นหลัก การทำงานในโรงงาน จึงไม่ใช่ระบบปิดอีกต่อไป สามารถถูกจู่โจมจนกระทั่งสายการผลิตหยุดดำเนินการได้เช่นกัน จากเทรนด์ดังกล่าวข้างต้น จะเห็นว่า

Cybersecurity เข้ามามีบทบาทเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดความโปร่งใสสำหรับการทำธุรกิจ แล้วก็ ยังสามารถพินิจพิจารณา คาดเดา ว่าองค์กรต้องรับมือกับอะไรบ้างที่อยู่ในอนาคต และก็ จะปกป้องตัวเองอย่างไร

ความปลอดภัยไซเบอร์ 3

Cybersecurity ขับเคลื่อนผ่าน People, Process แล้วก็ Technology

จากความท้าทายใหม่ ความปลอดภัยไซเบอร์ หรือ Security ในปี 2023 องค์กรจำต้องจัดการอย่างหลบหลีกมิได้ เพราะว่าการขับเคลื่อนองค์กร ด้วยข้อมูลนั้น ขยายตัวมากขึ้น ตั้งแต่การวิเคราะห์ ทั้งผลประกอบการ กลยุทธ์ แล้วก็ เมื่อข้อมูลเป็นขุมเงินขุมทองที่สำคัญ ขององค์กร ถ้าหากว่าถูกโจมตี จนกระทั่งเสียหาย จะมีผลให้ลูกค้าขาดความมั่นใจและเชื่อมั่นในตนเอง เวลาเดียวกันคู่แข่งก็บางทีอาจจะใช้โอกาสนี้ สำหรับในการจัดแคมเปญเพื่อเอาชนะในทางธุรกิจ

ด้วยเหตุผลดังกล่าว องค์กรก็เลยจะต้องให้ความใส่ใจกับ 3 ส่วน ดังนี้

People – เพราะว่า ต้นสายปลายเหตุของการถูกจู่โจมโดยมากนั้น มาจากการขาดวิชาความรู้ และ ลักษณะการโจมตี มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอเวลา องค์กรควรให้ความใส่ใจกับการสร้าง ความตระหนักรู้ ด้าน Cybersecurity กับบุคลากร อย่างตลอด เพื่อ สร้างความมั่นคงให้กับองค์กร ในระยะยาว

Process – ปรับกระบวนการทำงาน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ด้วยเทคโนโลยี เพื่อไปสู่จุดมุ่งหมายองค์กร ตอนนี้คนทำงานได้จากทุกๆที่ องค์กรจำเป็นต้องพร้อมสำหรับการจัดเตรียมอุปกรณ์ ให้ทุกคนสามารถเชื่อมต่อการทำงานได้ เปลี่ยนแปลงระบบ Manual ต่าง ๆ ให้เป็น Automation เพิ่มมากขึ้น เพื่อความรวดเร็ว รวมทั้ง ลดความยุ่งยาก ของการเดินเอกสาร

Technology – วางโครงสร้างพื้นฐานทางด้านเทคโนโลยี ให้มีความพร้อม ด้านการดูแลรักษาความปลอดภัย โดยเฉพาะองค์กรที่ย้ายข้อมูลขึ้นไปบนคลาวด์ ต้องสร้างความแข็งแรง เลือกพาร์ทเนอร์ที่เข้ามาเกื้อหนุนเทคโนโลยีด้านความปลอดภัย ที่มีทิศทาง การพัฒนาเทคโนโลยีในอนาคต สามารถเปิด API รองรับกับคลาวด์ต่าง ๆ ได้ รวมถึงการมีกลุ่มสนับสนุนที่แข็งแรง

Cybersecurity Platform หัวใจสำคัญ ที่ตอบโจทย์ลูกค้า Trend Micro

อย่างไรก็ตาม Trend Micro มีเป้าหมายแน่ชัดสำหรับในการสร้าง Cybersecurity Platform ผ่านการร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับลูกค้า มากกว่าเพียงแค่ขายโซลูชัน ด้วยเหตุว่าต้องการบูรณาการ ส่วนประกอบเบื้องต้นของลูกค้าทั้งระบบ ให้มีความโล่งใส สามารถตรวจสอบภัยคุกคาม เพื่อคุ้มครองเชิงรุกได้ (Threat Hunting) รวมไปถึงการตอบกลับต่อภัยรุกรามอย่างทันทีทันควัน (Incident Response) ซึ่ง เป็นลักษณะเด่นของสินค้า

ด้านการให้ความรู้ บริษัทออกแบบเทรนนิ่ง ให้กับลูกค้า โดยแบ่งเป็นหลักสูตรสำหรับ C Level , Operation, IT แล้วก็ End User แยกจากกัน เพราะว่า รูปแบบการถูกโจมตีของบุคลากรแต่ละระดับนั้น แตกต่างกัน หากผู้ใช้เพียงคนเดียวในบริษัทที่ไม่มีความรู้ หรือไม่ตระหนักถึงความปลอดภัย ก็อาจจะทำให้องค์กรถูกจู่โจมจนกระทั่งเสียหายทั้งบริษัทได้

เวลาเดียวกัน Trend Micro มีผู้ช่วยเหลือสุดยอด ทั้ง AWS, Google และก็ Microsoft แล้วก็ สิ่งสำคัญในที่สุดคือ Trend Micro มีกลุ่มสนับสนุนที่แข็งแรง มีบุคคลที่มีความรู้ความสามารถ ความชำนาญด้าน Cybersecurity ในประเทศไทย และก็ผ่านการดูแลลูกค้าคนประเทศไทยมามากยิ่งกว่า 18 ปี

ทั้งในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม แบงค์ รวมทั้งภาครัฐ ด้วยเหตุดังกล่าว การมีพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่มั่นคงแข็งแรง จะทำให้องค์กรสามารถป้องกันข้อมูล ไม่ให้หลุดออกไปภายนอก และ ยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นต่อลูกค้า ที่เข้ามาใช้บริการได้อีกด้วย

แมทธิว ดีน

“แมทธิว ดีน” ไม่รู้จะสอนยังไง! “น้องเดมี่” หยิก “ใหม่ ดาวิกา” ด้าน “ลีเดีย” น้อยใจ ถูกด่าไม่สอนลูก

“แมทธิว ดีน” เผย “น้องเดมี่” หยุม “ใหม่ ดาวิกา” หลายรอบ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน กลายเป็นมีมไปทั่ว รับถูกคนติเตียนไม่สอนลูก จนกระทั่ง “ลีเดีย” น้อยอกน้อยใจ แต่ยันสอนลูกไม่ให้รังแกใคร ส่วนที่หยิกใหม่ เจ้าตัวน่าจะคาดว่าเป็นไฝแค่นั้น ลั่นตัวจริงแสบมากมาย

เป็นทั้งตำนาน แล้วก็ เปลี่ยนเป็นมีม สำหรับกรณีที่ “น้องเดมี่” บุตรสาว “แมทธิว – ลีเดีย ศรัณย์รัชต์ ดีน” เอื้อมมือไปหยิก “ใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่”

รวมทั้ง ขี่คอ “ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์” แม้ว่าจะกลายเป็น ภาพฮา ๆ ทั่วโซเชียล

แต่ก็มีคนเข้าไปว่ากล่าว พ่อ แม่ ว่าเพราะอะไรไม่สอนลูก งานนี้หนุ่มแมทธิว เลยขออธิบาย ในงาน ThaiHealth Watch 2023 สังคมปรับ ชีวิตเปลี่ยน ที่จะมาร่วมแบ่งปันประสบการณ์การ สำหรับในการเลิกยาสูบ

แมทธิว ดีน2

แมทธิว ดีน กล่าวว่า เราก็เปิดภาพให้เขาดู แต่เขาอาจจะจำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“เป็นประเด็นที่ไม่น่าเชื่อ ว่าจะเป็นเรื่องเป็นราวได้ ผมมาเห็นภาพทีหลังแล้ว ว่าเดมี่ทำอะไรลงไป หยุมพี่ใหม่ แล้วหลายรอบเลยด้วย ในเหตุการณ์คือ ผมอุ้มเดมี่อยู่ แล้วใหม่ก็อยู่ใกล้ ๆ ตอนนั้นก็เห็นว่า เหมือนมีอะไรเคลื่อนไหว แต่เราถ่ายรูปอยู่ ก็ยิ้มสู้กล้องไว้ก่อน เดมี่ก็ขยับเยอะ ใหม่ก็ขยับ เลยหันไปมอง ก็บอก เดมี่ใจเย็น ๆ งานแรกก็เอาเลย สร้างตำนาน แต่ผมก็เข้าใจว่า หยิกไฝ

เพราะก่อนหน้านั้นเขาก็หยิกคอผม ที่มันน่าจะมีไฝ หรือ มีอะไรอยู่ แล้วใหม่ก็บอก เขาเองก็มีไฝอยู่ตรงนั้น เลยคิดว่าน่าจะใช่ คงไม่ได้หมั่นขนาดนั้นหรอก

เด็กยังโตไม่พอ ที่จะเข้าใจอารมณ์ตรงนั้น น่าจะเป็นการหยิกไฝใหม่ ฟีลแบบว่า อยากจะหยิกออกให้ อาจจะคิดว่าเป็นสติ๊กเกอร์รึเปล่า เขาอยู่ในวัยสงสัย เห็นใครมีรอยข่วนที่มือ ก็จะสงสัยว่าเป็นอะไรเหรอ ทำไมต้องเป็นอย่างนี้ เขาจะตามจะสงสัย

ซึ่งผมเองก็ได้เปิดภาพให้เขาได้ดู แต่เขาก็จำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ว่าทำอะไรไป เพราะมันผ่านไปแล้ว ก็คุย ๆ กัน ถามเขาว่าวันนั้น เดมี่ หยิก พี่ใหม่ เหรอ เขาก็จะตอบกวน ๆ ตามสไตล์ เดมี่หยิกพี่ใหม่ ส่วนเรื่องแซวลูก ว่าหยิกพี่ใหม่เพราะสวยกว่า แซวเล่นกันในครอบครัว เดียเขาก็คุยกับใหม่อยู่ ใหม่เป็นคนบอกเองว่าน่าจะเป็นไฝ” รับถูกติเตียนเช่นกัน ว่าไม่สอนลูก ปล่อยให้หยิก คนอื่นๆ ไปทั่ว ยันสอนลูกตลอด ไม่ให้รังแกใคร

“ส่วนที่เขาเพิ่งไปฉีดยามา อันนี้เป็นอีกเรื่องนึง ที่ฮาเหมือนกัน ถ้าได้ดูวิดีโอ จะเห็นใหม่ทำหน้า… แต่ก็ขอสู้ก่อน สักพักเริ่มเจ็บแล้ว เดมี่ก็ตลก เด็กวัยนี้ทำอะไรแปลก ๆ เยอะ ทำอะไรก็น่ารักครับ แต่ถ้าโตกว่านี้ ก็อาจจะไม่น่ารักแล้ว อาจจะมองว่าเด็กคนนี้มันยังไง ก็มีคนแซวเหมือนกัน ว่าทำไมไม่สอนลูก ปล่อยให้ไปหยิกคนอื่น เขาเป็นเด็กแหละ ไม่ได้ทำแรงขนาดนั้น

คือ ส่วนตัวผมคิดว่า เขาอาจจะแค่รู้สึกเจ็บ ตรงที่เขาไปฉีดวัคซีนมา เขาคงจะพยายามดึงออก เพราะคิดว่ามันเป็นสติ๊กเกอร์

คอมเมนต์อีกมุมก็มีบ้าง ไม่เยอะ ไม่รู้จะสอนยังไงครับ มันเป็นเรื่องที่เราคาดไม่ถึงจริง ๆ ว่าคนจะคิดไปในแนวนั้นได้ เราไม่ได้คิดแบบนั้น

แต่ก็เข้าใจว่า บางคนอาจจะเป็นแฟนคลับของใหม่ อาจจะไม่อยากให้ เดมี่ ไปทำพี่ใหม่เจ็บ ก็บอกตรง ๆ นะ แน่นอนเลยว่าลูกเราทั้งสองคน เราสอนแน่นอนว่า ไม่ให้เขาไปทำร้ายใคร แม้แต่สัตว์ เราก็ไม่ให้เขาทำ ตีแมงมุม ตีแมลงสาบ เราก็ไม่ให้ทำ

เราสอนให้เขาเคารพชีวิตคนอื่น รวมไปถึงสัตว์ด้วย เดมี่ คงไม่ได้อยากจะทำให้ใหม่เจ็บหรอก บางคนอาจจะพิมพ์แหย่มาเล่น ๆ ให้เรามีรีแอ็คชั่นกลับไป ก็ได้สนใจ แต่เดียจะรู้สึกมากกว่าผม เขาก็มาคุย ว่ามันมีคนคิดแบบนี้นะ ทำไมเขาต้องพูดอย่างนี้ ผมก็บอกไม่เป็นไร มันเป็นส่วนน้อย ไม่เป็นไรหรอก 99% คนเข้าใจ ว่า เดมี่ เล่น เขาก็จะน้อยใจ ว่าทำไมมาว่าเดมี่”

แมทธิว ดีน3

ยันติว เดมี่ ก่อนออกงานแล้วนะ

“นี่ก็ติวเข้มก่อนออกมาแล้ว(หัวเราะ) เดมี่ อยู่ดี ๆ นะ อย่าไปวิ่งเล่น ซน ไปยกกระโปรงที่ไหน ไม่ได้นะ ต้องอยู่ในความสำรวม เราเป็นผู้หญิง แต่ก็อย่างว่าครับเด็ก มันก็มีอะไรที่เราคาดไม่ถึง เดมี่ เคยเจอใหม่น่าจะประมาณ 3 ปี ก็แซวกัน น่ารักดี แล้วใหม่นี่เป็นเฟิร์สคิส ของดีแลนเลยนะ สมัยนั้นยังไม่มี โควิด-19 ก็ทักทายกัน จุ๊บนิดนึง น่าอิจฉา”

ขำ ๆ สร้างตำนาน ขี่คอใบเฟิร์น พิมพ์ชนก บอกลูกถูกใจผู้หญิงงาม

“น่าจะเป็นวันที่เราไปถ่ายงานที่สตูดิโอใกล้ ๆ กัน แล้วรู้จักกับทีมงานของใบเฟิร์นอยู่แล้ว ก็เลยแวะไปเดินเล่น เที่ยว และ ถ่ายรูปกัน เดมี่ช่วงหลังเขาค่อนข้างเจอคนเยอะ เขาจะเฟรนด์ลี่พอสมควร ดีแลนจะขี้อาย เจอใครก็จะยิ้ม ๆ ไม่เล่นด้วย เดมี่ เขาชอบผู้หญิงสวย ๆ ชอบอะไรที่เป็นเพชร ๆ ประกาย ผู้หญิงนะ

เวลาไปงานมิสแกรนด์ ผมเป็นพิธีกร เขาก็จะอยู่หลังเวที แล้วเขายืนมองนางงามสวย ๆ ดีแลน คือวิ่งเล่นอย่างเดียวเลย ก็เข้าใจว่าผู้หญิงชอบอะไรแบบนี้ ทาเล็บ ทำผมสวย ๆ เขาจะชอบเวลาอยู่บ้านก็จะเล่นแตกต่างจากผู้ชายหน่อย ดีแลน จะเป็นรถ ไดโนเสาร์ เดมี่ จะรักสวยรักงาม อาจจะอยู่กับแม่เขาเยอะด้วย แม่เขาทำผิว ทำผม ทำหน้า เขาก็จะเป็นแบบนั้น ตลกดี”

รับตัวจริงแสบมากมาย

“ส่วนที่มองว่ากลายเป็นตำนาน เข้าใจว่า หลายคนอาจจะเห็นในสื่อว่าเขาดูน่ารัก แต่เวลาอยู่บ้านเขากวนมาก แบบเป็นเด็กผู้หญิงนะ แสบอยู่ ไม่ธรรมดา (ลีเดีย บอกแสบกว่า ดีแลน 2 เท่า?) ดีแลน ว่ากวนแล้วนะ เดมี่ คือเป็นอีกแบบหนึ่ง กวนแบบหน้านิ่ง รู้ว่าทำอะไรก็ไม่ค่อยมีใครว่า ใครโกรธ เท่าไหร่

ด้วยความที่เป็นหญิงคนเดียวในบ้าน ก็จะยอม ๆ หน่อย ดีแลน ก็ตีจนร้องไห้แหละโดยไม่รู้ตัว คือเรียก ดีแลน พี่แหละ แต่ตีแรง ดีแลน ก็ไปร้องไห้ แต่ก็ไม่โกรธน้อง เวลาที่มีอะไรแบบนี้เกิดขึ้น เราก็ดูที่เจตนามากกว่า เราก็พยายามสอน ให้เขาขอโทษ และ ให้อภัยกัน

ถ้าถามว่าได้ใครมา ก็ไม่รู้ อะไรที่ไม่ดี มักจะมาอยู่ที่ผม แต่ เวลาน่ารักเป็นแม่ ตามสไตล์ สนุกครับช่วงนี้ จะพยายามหากิจกรรม รวมไปถึง ดีออน ที่ยังเด็กมาก ตอนนี้น่าจะ 2 เดือน เริ่มขยับตัวได้ คิ้วเริ่มขึ้นแล้ว

แต่จะเหนื่อยมากขึ้น ตรงที่ว่า 2 คนก็คือโตแล้ว ส่วนคนนี้ก็เล็กก็เลี้ยงแยกกัน บางทีออกไปทำงานเยอะ ก็กลัวเรื่องการเป็นหวัด แต่ 2 พี่เขาอยากจะมีส่วนร่วมมาก ชอบที่จะไปเลี้ยง ช่วยแต่งตัว อาบน้ำ เดมี่ ชอบเลยเป็นสไตล์เจ๊”

หมอโอ๋

เผยข้อมูล "หมอโอ๋" ทำธุรกิจร่วมกับน้องชาย "อั้ม ภูมิพัฒน์" หนึ่งบริษัท

MGR Online – เปิดเผยข้อมูลบริษัทที่ หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน เป็นกรรมการร่วมกับน้องชาย อั้ม ภูมิพัฒน์ สามี แยม ธมลพรรณ์ ที่ถูกฟ้องร้องฟอกเงินเกี่ยวข้องเว็บไซต์พนัน – หนังโป้หนังผู้ใหญ่

หลังเจ้าตัวอ้างถึงว่า ไม่เคยทราบเรื่องธุรกิจ และ ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง เจอเป็นที่ตั้ง คลีนิคเสริมความสวยงาม เขต โยธินพัฒนา

วันนี้ (18 ธ.ค.) จากกรณีที่ตำรวจกองปราบปราม สนธิกำลังศูนย์ปราบปรามอาชญากรรม ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) จับตัว นาย ภูมิพัฒน์ หรืออั้ม ประเสริฐวิทย์ อายุ 42 ปี นายเชษฐ์ชัย หงส์คำ อายุ 38 ปี และ น.ส.ธมลพรรณ์ หรือแยม ประเสริฐวิทย์ อายุ 40 ปี อดีตดาราหนัง ภรรยานายภูมิพัฒน์ ที่ที่พัก

หลังสืบทราบดีว่า เป็นโครงข่าย ลักลอบเปิดเว็บไซต์พนันออนไลน์ ทายผลฟุตบอลโลก และ คลิปลามก พบของกลาง รถซูเปอร์คาร์ รถจักรยานยนต์ นาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม คอมพิวเตอร์ 5 เครื่อง โทรศัพท์เคลื่อนที่ 18 เครื่อง เงินสด 42 ล้านบาท ที่พักหรู รวมค่า สินทรัพย์กว่า 700 ล้านบาท

หมอโอ๋2

ย้อนกลับมา “แยม ธมลพรรณ์” อดีตดาราสาว สินทรัพย์ 22 ล้าน ไหม้ที่เกาะกูด โดนจับ พร้อมสามี คดีฟอกเงินเว็บพนัน

ต่อมา พญ.จิราภรณ์ อรุณากูร หรือ “หมอโอ๋” กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์รามาธิบดี

เจ้าของเพจมีชื่อ “เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ซึ่ง เป็นพี่สาว นายภูมิพัฒน์ โพสต์ข้อความอธิบายว่า บ้านมีฐานะพอเหมาะพอควร พ่อทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ไม่ได้ลำบากเรื่องการเงิน

น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือ มีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อย ๆ รู้ว่าน้องนำเงินไปร่วมทุน รวมทั้ง เหรียญคริปโตฯ ในตอนก้าวหน้า

จนถึงมีรายได้มากมาย อีกทั้ง มิได้ทราบเรื่องรายละเอียดของงาน ที่ญาติแต่ละคนทำนัก ไม่รู้จักเรื่องธุรกิจ ที่เป็นข่าว รับรองว่าตน แล้วก็ครอบครัว มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่เป็นข่าว และ ไม่ใช่เรื่องของตน

“บ้านเราเป็นบ้านที่มีฐานะพอสมควร คุณพ่อทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง เราไม่ได้ลำบากเรื่องการเงิน น้องชายทำธุรกิจโทรศัพท์มือถือมีรายได้มาตั้งแต่อายุน้อยๆ ข้อมูลที่หมอทราบ น้องนำเงินไปลงหุ้นและเหรียญคริปโต ในช่วงรุ่งเรืองจนมีรายได้มาก

“บ้านเราเป็นพี่น้องที่สนิทกัน แต่พอเราโตกันเป็นผู้ใหญ่ ต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง เราไม่ได้ทราบเรื่องรายละเอียดของงานที่แต่ละคนทำนัก (และถ้าเรื่องนี้เป็นจริง น้องก็คงไม่ได้อยากให้รับรู้อะไรนัก)” พญ.จิราภรณ์ระบุ

หมอโอ๋3

“หมอโอ๋ เลี้ยงลูกนอกบ้าน” ยันไม่รู้เรื่องธุรกิจสีเทาของน้องชาย

รายงานข่าวสารแจ้งว่า จากการสืบค้นข้อมูลที่ได้รับมาจากกรมพัฒนาธุรกิจกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า พญ.จิราภรณ์ หรือแพทย์โอ๋ กับ นายภูมิพัฒน์ หรือ อั้ม ซึ่งเป็นน้องชาย มีชื่อกรรมการบริษัทด้วยกัน 1 แห่ง คือ บริษัท ดิอิมเม็จเมดิคอลเอสเทติก จำกัด ขึ้นทะเบียนจัดตั้ง ช่วงวันที่ 9 สิงหาคม 2556 ทุนจดทะเบียน 3 ล้านบาท

เป้าประสงค์ ตอนขึ้นทะเบียน ประกอบกิจการประมูล เพื่อรับจ้างทำของ ตามวัตถุประสงค์ทั้งหมด ให้แก่บุคคล คณะบุคคลนิติบุคคล ส่วนราชการ

จุดหมายที่ส่งงบการเงินปีล่าสุด ให้บริการเสริมความสวยสดงดงาม ที่ตั้งสำนักงาน แห่งใหญ่ 249 ซอยโยธินพัฒนา แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

มีกรรมการบริษัท 5 คน

อาทิเช่น นายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์, นางจิราภรณ์ อรุณากูร, นางทิศณา ประพันธศิริ โรเซน, นายชาคริต ปิลันธนากร, นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา และนายกิดากร กิระนันทวัฒน์ กรรมการลงชื่อผูกพัน มีนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์, นายชาคริต ปิลันธนากร, นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา, นายกิดากร กิระนันทวัฒน์ สามในสี่คนลงลายมือชื่อด้วยกัน

และ ประทับสำคัญ ของบริษัท ปีงบการเงิน 2564 มีทรัพย์สิน รวม 25,877,727.14 บาท หนี้สินรวม 15,744,807.68 บาท มีรายได้รวม 32,290,161.55 บาท รายจ่ายรวม 29,821,131.72 บาท กำไรทั้งสิ้น 1,970,944.17 บาท

รวมทั้ง จากการค้น ผู้ถือหุ้น บริษัท ดิอิมเม็จเมดิคอลเอสเทติก จำกัด เสริมเติม พบว่าผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ นายกิดากร กิระนันทวัฒน์ รองลงมาคือ นายปรัชญ์ พึ่งเจษฎา, นายชาคริต ปิลันธนากร รวมทั้ง มี นางจิราภรณ์ อรุณากูร กับนายภูมิพัฒน์ ประเสริฐวิทย์ เป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 4 รวมทั้ง 5 โดยมีสัดส่วน เท่ากัน ส่วนนางทิศณา ประพันธศิริ โรเซน ถือหุ้น น้อยที่สุด

นอกเหนือจากนี้ ที่ตั้งสำนักงานแห่งใหญ่ ยังเป็นที่ตั้งเดียวกับ บริษัท กู๊ดไทม์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จากการค้นพบว่า ลงบัญชีตั้งขึ้นช่วงวันที่ 30 มกราคม 2555 ทุนสำหรับจดทะเบียน 40 ล้านบาท

จุดหมายตอนขึ้นทะเบียน ประกอบกิจการ สถานที่เรียน กวดวิชา โดยมิได้เป็นการสอนในเวลาปกติ วัตถุประสงค์ที่ส่งงบการเงินปีปัจจุบัน ให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ให้บริการสาธารณูปโภค มีนางสาวอรอนงค์ ภู่เจริญ เป็นกรรมการบริษัท

อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบที่ตั้ง บริษัทเพิ่ม พบว่า เป็นที่ตั้งของ โครงการทเวนตี้โฟร์เฮ้าส์ (24 House) ปากซอยโยธินพัฒนา ถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) ตรงข้ามห้างขายเครื่องเรือนชิครีพับลิค

โดยพบว่า เป็นตึก 2 ชั้น ผู้เช่าส่วนใหญ่ เป็นคลีนิคเสริมความสวยสดงดงาม

โดยมีร้านค้าสะดวกซื้อ เซเว่นอีเลฟเว่น อยู่ชั้นล่าง หนึ่งในนั้น คือ คลีนิคเสริมความงาม ที่ชื่อว่า ดิ อิมเมจ เมดิคัล แอสเธติก เซ็นเตอร์ (The Image Medical Aesthetic Centre)

อากงจุน

“อากงจุน” ที่บริจาค มูลนิธิรามาฯ 900 ล. ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งเอเชีย “เด็กก้าวไกล” จี้ ดีลจนลืม “ปชช.”

อาจมองไม่เห็น “Forbes” เป็น “สลิ่ม” หลังเชิดชู “อากงจุน” ผู้จัดตั้ง ฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐี ใจบุญแห่งทวีปเอเชีย นักประวัติศาสตร์ แนะจำต้องแก้ ม.112 เข้มขึ้น ไม่ใช่ให้เสื่อมลง “เด็กก้าวไกล” สุดทนนักออกเสียง มัวแต่ดีลกระทั่งลืม ประชาชน

น่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (14 เดือนธันวาคม 65) เพจเฟซบุ๊ก ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ โพสต์ภาพ พร้อมแชร์ CocoNews บอกว่า

อากงจุน2

“Forbes สรรเสริญ “อากงจุน” ผู้จัดตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งทวีปเอเชีย

วารสาร Forbes ได้ประกาศทำเนียบรายนาม ฮีโร่ผู้ใจบุญแห่งทวีปเอเชีย Asia’s 2022 Heroes of Philanthropy ครั้งที่ 16 โดยได้จัดอันดับมหาเศรษฐีผู้ใจดีทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ที่ได้อุทิศเงินส่วนตัวช่วยเหลือการกุศล ทั้งในด้านการศึกษา ด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง ด้านสังคม

โดยในปีนี้ มี 1 คนประเทศไทยติดอันดับด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ใครไหนเป็น “อากงจุน” นายจุน วนวิทย์ ผู้จัดตั้งบริษัทพัดลม ฮาตาริ นั่นเอง

โดยในปีนี้ รายนามผู้ที่ได้รับเลือกมีทั้งสิ้น 15 คน อาทิเช่น Melanie Perkins รวมทั้ง Cliff Obrecht ผู้ร่วมจัดตั้งขึ้นแอปฯ มีชื่อเสียงอย่าง Canva ที่ลงชื่อในพันธสัญญาว่า จะบริจาคเงินที่ได้จากแอปฯ เพื่อช่วยเหลือองค์กรการบุญต่าง ๆ

และยังมี ฮิโรชิ มิกิตานิ ผู้จัดตั้ง แล้วก็ ซีอีโอ ของแพลตฟอร์มชอปปิ้งออนไลน์ Rakuten ที่บริจาคเงินช่วยเหลือองค์กร ที่ผลักดันด้านมนุษยธรรม เป็นจำนวนมหาศาล

เวลาที่ อากงจุน ก็ได้รับการคัดเลือก จากเรื่องราว เมื่อ เดือนสิงหาคม ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา หลังครอบครัว วนวิทย์ ได้บริจาคเงินส่วนตัว กว่า 900 ล้านบาท ให้กับมูลนิธิรามาธิบดี

โดยทางมูลนิธิฯ ได้ออกมาขอบคุณ แล้วก็ ยังเผยอีกว่า อากงจุน และก็ ครอบครัว บริจาคเงินสนับสนุนทุน แผนการต่าง ๆ ตั้งแต่แมื่อปี 2551 จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เป็นยอดเงินบริจาค รวมทั้งสิ้น 1,317,397,000 บาท

ทั้งนี้ ตอนวันที่ 28 ก.ค. 2565 เว็บสถาบันแนวทางไทย โพสต์ประเด็นสามนิ้ว วิตกจริต!? ผลักไสไล่ส่ง “ฮาตาริ” อยู่ฝั่งตรงข้ามด้านการเมือง เพียงแค่เพราะ บริจาคเงิน 900 ล้าน ให้มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดย XXPiYaXX

เนื้อเรื่องกล่าวว่า ต่อเนื่องจากกรณี นายจุน วนวิทย์ หรือ อากงจุน ผู้ก่อตั้งฮาตาริ และก็ ครอบครัว ได้ร่วมบริจาคเงิน 900,000,000 บาท แก่มูลนิธิรามาธิบดีฯ โดยมี ศ.จ. หมอปิยะมิตร ศรีธรา คณบดี แผนกแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล พร้อมทั้ง รองศาสตราจารย์ ดร.พูลสุข เจนพานิชย์ วิสุทธิพันธ์ ผู้อำนวยการสถานศึกษาพยาบาลรามาธิบดี แล้วก็ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ หมอภาวิทย์ เพียรวิจิตร รองคณบดีฝ่ายสื่อสารองค์กร เป็นตัวแทนร่วมรับมอบ

ซึ่งถือได้ว่าเรื่องราวดี ๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ถูกแชร์ไปในโซเชียลจำนวนมาก ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาอนุโมทนา กับการบริจาคเงินจำนวนเป็นอันมากในคราวนี้ ซึ่งสามารถรักษา และก็ ช่วยเหลือผู้คนได้อีกเยอะมาก

แต่แล้วดูเหมือนกับว่า คนดีในสังคมจะต้องมีมารมาผจญ เมื่อมีกลุ่มของผู้คนบ้าการบ้านการเมืองฝั่งสามนิ้ว เริ่มเข้ามาโจมตี นายจุน รวมทั้ง ครอบครัว ว่า เพราะเหตุไรจำเป็นต้องบริจาคให้กับมูลนิธิรามาธิบดีฯ ถึงกับขนาดผลักใส ให้อยู่อีกฝั่ง ในทางการบ้านการเมืองโดยทันที

โดยเพจสาธารณะ The METTAD ได้โพสต์ เรื่องดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้นซึ่งมีรายละเอียดว่า

มีคนบริจาคให้มูลนิธิของโรงพยาบาล กระแสในเฟซมี 2 ทาง

– คนปกติ 1 อนุโมทนา ช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์เป็นสิ่งดี โอกาสหน้าจะอุดหนุน
– คนปกติ 2 เพราะเหตุใดต้องผลักมูลนิธินี้เป็นสลิ่ม และก็ พิมพ์อะไรบ้าคลั่งอีกยาวยืด

ทำให้มีประชาชนเยอะมาก ต่างเกิดความไม่พึงพอใจ ที่เพียรพยายามผลักคนที่ช่วยเหลือสังคม ให้เลือกฝั่งด้านการเมือง โดยมีรายละเอียดว่า

“ถ้าหาก Hatari บริจาคให้โรงพยาบาลจุฬาภรณ์ มันคงจะเต้นหนักกว่านี้นะครับ”

“ก็มีแต่พวกสัตว์นรก 3 กีบ ที่เดือดดาลกับคนทำบุญ”

“คนไม่ปกติคือคนที่แยกแยะไม่ออก ว่า เงินบริจาคทำเพื่อใคร เพื่อประโยชน์อะไร ไม่ว่าแหล่งที่มาของเงินมาจากกลุ่มใครก็ตาม

ปล. ต่อให้กีบบริจาค คนปกติก็ควรร่วมอนุโมทนาบุญด้วยเช่นกัน”

“คนที่สอง น่าจะวิกลจริตนะ”

“ไอ้ปกติที่ 2 มันนร้อนๆ นะครับ”

“คนไม่ปกติ 3 เป็นพวกเห็นแก่ตัว เป็นพวกที่จะเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเองอย่างเดียว แถมอิจฉา เวลาคนอื่นทำประโยชน์ หรือทำเรื่องดีให้สังคม ต้องออกมาดิสเครดิตกัน”

อากงจุน3

ช่วงเวลาเดียวกัน นาย เทพมนตรี ลิมปพยอม นักประวัติศาสตร์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Thepmontri Limpaphayorm บอกว่า

“มาตรา 112 ต้องปรับปรุงแก้ไขเปลี่ยนแปลงให้เข้มข้นขึ้น ไม่ใช่แก้ไขให้เสื่อมทรามลง เพื่อเปิดประตูให้พวกรู้น้อยแต่พูดมากมาแสดงความเห็นจาบจ้วงล่วงละเมิดให้ร้าย ทุกวันนี้ เราก็เห็นคนพูดมากรู้น้อยเยอะแยะไปหมด หรือพวกมโน ดรามาก็เยอะ”

ที่น่าดึงดูดไม่แพ้กัน เพจเฟซบุ๊ก การบ้านการเมืองไทย ในกะลา แชร์ โพสต์เฟซบุ๊ก ของ จรยุทธ จตุรพรประสิทธิ์ ว่าที่ผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเขตยานนาวา – บางคอแหลม พรรคก้าวไกล หัวข้อ ใกล้เลือกตั้ง มีแต่ข่าวดีลรัฐบาล ไม่มีเวลาทำงานให้ประชาชน

โดยกล่าวว่า เมื่อไทม์ไลน์การเลือกตั้งใกล้มาทุกที พร้อมด้วยข้อตกลงหาร 100 ที่เด่นชัดแล้ว ก็เลยถึงเทศกาลแห่งการ ดีลรายวัน สวนกับการทำงานให้ประชาชน ที่ไม่จริงจังขณะนี้

ยิ่งบรรดาพรรคเล็กมีความคิดเห็นว่า อาจจะไม่รอด กับการเลือกตั้งลักษณะนี้ จึงรีบควบรวมกันครึกโครม ส่วนพรรคใหญ่ ก็ช้อปกันบันเทิงใจ สะท้อนปัญหาคลาสิกชั่วกับชั่วกัลป์ของการเมืองไทย ที่พรรคการเมือง ยังไม่ใช่ตัวแทนของอุดมการณ์ แต่ลักษณะของสมการที่เปลี่ยนไปกับการได้มาซึ่งอำนาจ เป็นสำคัญ หรือ หากมีผลคุณประโยชน์ลงตัวก็พร้อมไปกับทุกขั้ว โดยไม่สน ว่าก่อนหน้าเคยบอกกับพสกนิกรไว้ว่าอย่างไร

ประเด็นนี้ว่าแย่แล้ว แต่ว่าก็ยังเกิดเรื่องเชิงโครงสร้างที่จะต้องขจัดปัญหากันไป แต่ว่าเรื่องใหญ่กว่านั้นเป็น ระหว่างการดีลกันวุ่นวายเวลานี้ ปัญหาของประชากร ก็พลอยมิได้รับการปรับปรุงไปด้วย หมายถึงไม่เหลือสมาธิ จะทำงานบ้านงานเมืองกันแล้ว

ถ้าใครไม่เชื่อ ขอให้ทดลองไปเปิดโทรทัศน์หรือหนังสือพิมพ์ข่วงนี้ดู มีแต่ข่าวสารปัญหาภายในสังคมเยอะไปหมด ชีพประชาชนก็ลำบาก หาเลี้ยงชีพยากเหลือเกิน ยาบ้าก็มากมาย ฆ่ากันก็แยะ โรคระบาดก็กลับมา แต่ไม่มีใครคิดเอาใจใส่

ขนาดพื้นที่โดนน้ำท่วมหนัก บ้านจมเป็นเดือน ๆ บางหลังก็ยังได้ชดเชยแค่หลักร้อย ดีหน่อยก็หลักพัน ทำงานกันเหมือนไม่มีรัฐบาล ในนาทีนี้

ฉะนั้น ก่อนพี่น้องประชาชนจะทนทุกข์ทรมานกันมากมายไปกว่านี้ อย่างไรผมก็ขอฝากถึงรัฐมนตรีทุกคน หัวหน้าพรรค ทุกพรรค รวมถึง หัวหน้ามุ้งต่าง ๆ ในรัฐบาลชุดนี้สักหน่อยว่า จะดีลอะไรกันก็ทำไป แม้กระนั้นอย่าลืมตัวเองว่าเป็นรัฐบาลอยู่ ยังมีบทบาทบริหารประเทศ ยังไงก็สละเวลามาดำเนินการกันบ้างครับผม https://www.facebook.com/101372342567471/posts/180684211302950/

แน่ๆ, หัวข้อที่น่าสนใจ ก็คือ กรณี “Forbes” เชิดชู “อากงจุน” ผู้จัดตั้งฮาตาริ ติดอันดับมหาเศรษฐีใจบุญแห่งทวีปเอเชีย ที่สะท้อนให้มองเห็น “ความดี” ไม่มี “ขั้ว” ทางด้านการเมือง และไม่มีฝ่าย ถ้าเกิดแต่มีจิตใจเป็นบุญกุศล แล้วก็ เห็นแก่สังคมส่วนรวมมากกว่าส่วนตัว

เรื่องจริง ไม่เพียงแต่ “มหาเศรษฐี” ทั้งหลายสมควรเอาเป็นเยี่ยงอย่าง อย่างน้อยก็คืนกำไรให้สังคมบ้าง ที่กอบโกยไปแล้วมากมายมหาศาล

แม้แต่ “ติ่ง” ด้านการเมือง ก็สมควรให้ “เครดิต” มากกว่า นำมาแบ่งฝัก แบ่งข้าง ทางด้านการเมือง เพราะไม่อย่างนั้น สังคมจะยิ่งอยู่ยาก รวมทั้ง ทางแคบลงไป จนแทบสร้างกำแพงกั้นเลยทีเดียว หรือไม่จริง!?

บิ๊กตู่

“บิ๊กตู่”ไปต่อไม่รอช้า ประกาศรวมไทยฯกลางเดือนนี้!?

การเมืองเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ “บิ๊กตู่” ไปต่อไม่รอช้า หลายพรรคเริ่มขยับเขยื้อนกันคึกคัก ทั้งการออกหลักการใหม่ เพื่อหาคะแนนเสียง และก็ การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร รองรับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง อย่างไรก็ดี นาทีนี้ผู้ที่ “คุมเกม” ก็ยังเป็น “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และก็ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม อยู่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อำนาจสำหรับเพื่อการ “ยุบสภา” ที่อยู่ในมือเต็มร้อย

ทำให้เวลานี้ หลายข้างกำลังจ้อง และก็ สังเกตการเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะ “ลงมือ” เมื่อใด ด้วยเหตุว่าการยุบสภา ย่อมส่งผลทางการเมือง กับทุกพรรค และก็ ทุกกรุ๊ปการเมืองเป็นลูกโซ่ เวลาเดียวกัน การตัดสินใจของเขา ไม่ว่าจะออกมาในแบบยุบสภา หรือว่า ปลดปล่อยยาวจนครบกำหนด มันก็ล้วนมีนัยยะทางการเมืองทั้งสิ้น

หากแยกจุดโฟกัส พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมา แน่ ๆว่าทุกคนก็พอคาดการณ์กันได้อยู่แล้วว่า เขาปรารถนาไปต่อ อีกสองปี ตามกฎหมายที่เปิดช่องเอาไว้ให้ รวมไปถึง รอดูว่า จะมีการเปิดตัวกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ และก็ ยุบสภาเมื่อใด

ปัจจุบัน เมื่อเที่ยงวันที่ 12 ธันวาคม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กล่าวก่อนเริ่มเดินทางไปยังกรุงบรัสเซลส์ แว่นแคว้นเบลเยียม เพื่อเข้าร่วมการประชุมสุดยอด อาเซียน – สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ เพื่อฉลองวาระครบรอบ 45 ปี ความเกี่ยวพัน อาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ระหว่างวันที่ 12 – 15 ธันวาคม 2565

บิ๊กตู่2

โดยเมื่อมาถึง “บิ๊กตู่” นายกฯได้ทักสื่อมวลชนว่า อยู่กันดี ๆ นะ

แล้วให้สัมภาษณ์หลังนักข่าวถาม มีความห่วงใยประเทศอะไร หรือเปล่า ระหว่างที่เดินทางไปเบลเยียม ว่า ไม่เป็นห่วงอะไรทั้งนั้น มีคนทำงานอยู่แล้ว เป็นการทำงานไปตามระบบ นายกฯ ไม่อยู่ ก็มีรักษาการแทน ส่วนงานเขาก็ทำกันอยู่ทุกวัน ด้วยเหตุว่า ระดับหลักการ นายกฯได้ออกคำสั่งไปหมดแล้ว กรรมการแต่ละระดับ เขาก็ทำงานไป ผลสัมฤทธิ์ก็ตามมา

“ก็เป็นห่วงอย่างเดียวคือ เรื่องปัญหาความขัดแย้ง ลดๆกันเสียบ้าง เสนอข่าวอะไรก็เบาๆหน่อย สิทธิที่เขาจะพูดอะไรก็พูดได้ ไม่อย่างนั้นจะมีผลกับการทำงาน ในเวลานี้หลายอย่างจะต้องดำเนินการต่อ หนึ่ง สอง สาม ผ่านระยะที่ 1 ก็ต้องมีระยะที่ 2 ระยะที่ 3 ไปทำต่อ ถ้าพูดกันแล้วขัดแย้งกันไปทุกเรื่องจะไปได้อย่างไร วันเวลาที่เหลืออยู่ก็มีเวลาไม่มากนักหรอก ของรัฐบาลตามรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างว่าไปตามนั้นหมด” พล.อ.ประยุทธ์ ระบุ

เมื่อถามหากรณีผลจากการสำรวจ นิด้าโพล ที่คะแนนเสียง พล.อ.ประยุทธ์ ลดลง นายกฯพูดว่า ไม่รู้จักโพล ใครทำก็ไม่รู้จัก ใครทำ ใครตอบ ก็ไม่รู้จักเช่นกัน ไม่มีผลอะไร พร้อมทำท่า ผายมือทั้งสองข้าง นักข่าวถามย้ำ ว่า ผลโพลจะมีผลกระทบต่อการตัดสินใจ หรือเปล่า พล.อ.ประยุทธ์ พูดว่า ไม่มี

เมื่อถามว่า กลับมาจากต่างแดนครั้งนี้ จะแสดงท่าทีทางการเมืองที่กระจ่าง ได้หรือเปล่า นายกฯ พูดว่า “กลับมาค่อยว่ากัน”

คำว่า “กลับมาค่อยว่ากัน” ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังที่กล่าวมาแล้ว ทำให้ถูกตีความหมายได้ว่า หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมสุดยอดหัวหน้า อาเซียน – สหภาพยุโรป หลังวันที่ 15 ธันวาคม ทุกอย่าง จะมีการประกาศความชัดเจนออกมา หรือเปล่า และก็ เป็นการ ร่นเวลา เข้ามาให้เร็วขึ้นหรือเปล่า

ด้วยเหตุว่าหากจำกันได้ ก่อนหน้าที่ผ่านมา เขาเคยตอบคำถามว่า “หลังเอเปก ก็คือปีหน้า” ซึ่งตามความเป็นจริงในตอนนั้น ก็น่าจะเป็นต้นปีนั่นแหละ กับการถูกเซ้าซี้ ถามเรื่องอนาคตทางการเมือง แต่ว่า อย่างไรก็ดี ก็ได้ความชัดเจนมาและจากนั้นก็เป็น “จะไปต่ออีกสองปี” กับพรรครวมไทยสร้างชาติ

เพียงแต่ว่า ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ เพราะเหตุว่าเชื่อว่าคือเรื่องของ “มารยาท” ด้วยเหตุว่าเขาได้รับการเสนอชื่อ เป็นนายกฯ จากพรรคพลังประชารัฐ เพราะฉะนั้น ทำให้การประกาศท่วงท่าทางการเมืองใหม่ ก็เลยจำเป็นต้องทอดเวลา ออกไปก่อน

บิ๊กตู่3

อย่างไรก็ดี เมื่อหลายพรรคการเมือง เริ่มมีการขยับเขยื้อน มีการเปิดนโยบายพรรค

รวมไปถึงการ “ย้ายพรรค” กันอย่างคึกคัก มันก็แปลงเป็น ตัวเร่งให้เขาจำเป็นต้องย่นเวลาเปิดตัว สร้างความชัดเจนทางการเมือง อย่างน้อย ก็เป็นการสร้างความเชื่อมั่นและมั่นใจ และก็ การตัดสินใจของบรรดาส.ส. และก็ กรุ๊ปการเมือง ได้ตัดสินใจ

อีกทั้งที่สำคัญยังมี “กลุ่มทุน” ที่จำเป็นต้องตัดสินใจด้วย เพราะเหตุว่า หากขยับเขยื้อนช้า หรือยังเงียบถัดไป อาจมีผลต่อการเตรียมพร้อมของพรรครวมไทยสร้างชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ ได้แย้มออกมาให้เห็นแล้ว แต่ว่า ถึงอย่างไร มันก็ควรจะมีความชัดเจน

ก่อนหน้านี้ ถ้าเกิดตรวจบรรดาส.ส. และก็ กรุ๊ปการเมือง ที่ประกาศกระจ่างว่าจะตาม “บิ๊กตู่” ไปอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็มี กรุ๊ป ส.ส.ภาคใต้ ปริมาณหนึ่ง

มีรายชื่อแล้ว 3 – 4 คน กรุ๊ป ส.ส.กรุงเทพมหานคร กรุ๊ปภาคกลาง ในสายของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ที่มาตามกระแส แต่ว่า ยังเชื่อว่าหลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ มีความชัดเจนแล้ว น่าจะมีส.ส.อีกคนจำนวนไม่น้อยตามมาอีก

แม้ว่าคนจำนวนไม่น้อยเห็นว่า บรรดาส.ส.ที่ย้ายมาร่วมกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ส่วนใหญ่จะมาจาก พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่แตกต่างจาก “ตกปลาในบ่อเพื่อน” เป็นการหักคะแนนกันเองก็ตาม

แต่ว่า เวลาเดียวกัน อีกด้านหนึ่ง ยังประมาทไม่ได้ก็คือ “กระแส” ที่การเมืองไทยยังแบ่งเป็น “สองขั้ว” อย่างแน่นแฟ้น ระหว่าง “เอา ไม่เอา” ระบอบทักษิณ หลัก ๆจะเป็นแบบนี้ แม้ว่าอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีกรุ๊ปใหม่ที่เติบโตขึ้นมานั่นเป็น “กลุ่มคนรุ่นใหม่” แต่ว่ากลุ่มนี้ ก็หนุนพรรคก้าวไกล ที่ “ไม่เอาสถาบันฯ” เป็นหลักก็ตาม แต่ว่า เมื่อประเมินแล้ว เชื่อว่ายังไม่ได้เติบโต ที่จะทำให้มีการเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ ในทางตรงกันข้าม กลับไป “บ่อนเซาะ” พรรคเพื่อไทยของโครงข่าย ทักษิณ เสียมากกว่า

ส่วนกรุ๊ปไม่เอาทักษิณ มองตามภาพรวม ๆ ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลในตอนนี้

ที่ไตร่ตรองตามรูปการณ์แล้ว จะมีพรรคภูมิใจไทย นำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล และก็ “กลุ่มบุรีรัมย์” ที่เด่นขึ้นมา มีโอกาสเบียดขึ้นมา เป็นนายกฯหลังการเลือกตั้ง ด้วยเหตุว่า มีการรุกคืบไปทุกภูมิภาค โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นจุดตัดสิน แต่ว่านั่น เป็นด้วยเหตุว่า “บิ๊กตู่” ยังไม่ขยับอย่างเต็มตัว

เพราะฉะนั้นเมื่อมีการแย้มออกมาแล้วว่า หลังกลับจากยุโรป หลังวันที่15 ธ.ค. แล้ว เชื่อว่าจำเป็นต้องกระจ่าง ด้วยเหตุว่าฝ่ายตรงข้าม เริ่มเปิดเกมรุก และก็ ขยับไปไกลแล้ว อาจรอคอยไม่ได้แล้ว

และก็ เมื่อจำเป็นต้องประกาศท่วงท่า มันก็จำเป็นต้องเตรียมพร้อม “ยุบสภา” เพื่อเปิดช่องให้ ส.ส.ได้ย้ายพรรคได้ทัน ซึ่งหากเป็นแบบนี้ มันก็น่าจะเลือกตั้งกัน หลังปีใหม่ ราวต้นปี ตามที่เคยประกาศเอาไว้ก่อนหน้าที่ผ่านมา !!

พ่อค้าแห่งความตาย1

รีพับลิกันเย้ยหยัน!รบ.ไบเดนอ่อนข้อ รัสเซีย ยอมแลกตัว ‘พ่อค้าแห่งความตาย’ ที่ถูกจับในไทยกับนักบาสหญิง

การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ ราชบัณฑิตยสถานไบเดนยอมตาม รัสเซีย ยอมแลกตัว ‘พ่อค้าแห่งความตาย’ มีขึ้นตามหลังการเจรจาหลายเดือน ในตอนที่ความเครียด ระหว่างสองประเทศพุ่งสูง ตามหลัง รัสเซีย เปิดฉากรุกราน ยูเครน ในเดือน เดือนกุมภาพันธ์ โดย ไกรเนอร์ ซึ่งโดนจับก่อนหน้าการรุกราน ประมาณ 1 สัปดาห์ ได้เดินทางจากทัณฑนิคมแห่งหนึ่ง ของ รัสเซีย ไปยัง มอสโก ต่อจากนั้นก็ถูกส่งตัวไปยังสนามบินอาบูดาบี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ จุดที่ใช้แลกตัว โดยทั้ง 2 คนเดินผ่าน กัน รวมทั้ง กัน บนลานบิน

บริตนีย์​ ไกรเนอร์ สตาร์ผู้เล่นบาสเกตบอลหญิงสหรัฐอเมริกา ได้รับการปล่อยตัวแล้ว ผ่านการแลกตัวผู้ต้องขัง กับฝ่ายมอสโก

พ่อค้าแห่งความตาย2

โดยแลกตัวกับ วิคเตอร์ บูท พ่อค้าอาวุธระหว่างประเทศ ชาวรัสเซีย สมญานาม “พ่อค้าแห่งความตาย”

รวมทั้ง มุ่งหน้ากลับสู่สหรัฐอเมริกา ในวันพฤหัสบดี(8พฤศจิกายน) หมดในสิ่งที่ผู้นำโจ ไบเดน เรียกว่าระยะเวลา “นรก” นับเป็นเวลาหลายเดือน สำหรับเธอ รวมทั้ง ครอบครัว อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนที่นี้ เรียกเสียงติชมอย่างดุเดือด จากรีพับลิกัน

“เธอปลอดภัยดี เธออยู่บนเครื่องบิน เธอกำลังเดินทางกลับบ้าน หลายเดือน หลังจากถูกคุมขังโดยไม่ยุติธรรมใน ยูเครน ถูกคุมขัง ภายใต้สภาพแวดล้อม อันเหลือทน” ไบเดน บอกกับผู้สื่อข่าว ที่ทำเนียบขาว พร้อมเผยว่า เธอจะเดินทางมาถึงภายใน 24 ชั่วโมงข้างหน้า “นี่เป็นวันที่เราทำงานหนัก มาเป็นเวลานาน เราไม่เคยหยุด ผลักดันให้มีการปล่อยตัวเธอ”

นอกจากนี้แล้ว ไบเดน กล่าวต่อว่าสหรัฐอเมริกา กำลังเดินหน้าดำเนินงาน เพื่อมีการปล่อยตัว พอล วีแลน อดีตนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกา ที่ถูกขังใน รัสเซีย เช่นเดียวกัน หลังจากไม่สามารถที่จะชักชวน รัสเซีย ให้ปล่อยตัวเขา ในส่วนใดส่วนหนึ่ง ของการเจรจาครั้งนี้

ไกรเนอร์ วัย 32 ปี เป็นเจ้าของเหรียญทอง กีฬาโอลิมปิกเกมส์ 2 สมัย รวมทั้ง เป็นดาวดังแห่งทีม ฟีนิกซ์ เมอร์คิวรี ในศึกบาสเก็ตบอลหญิง อาชีพของสหรัฐอเมริกา (ดับเบิลยูสมาคมบาสเกตบอลแห่งชาติ) เธอโดนจับจับ ช่วงวันที่ 17 เดือนกุมภาพันธ์ ที่สนามบินแห่งหนึ่ง ในกรุงมอสโก หลังจากถูกตรวจเจอว่า ข้างในกระเป๋าสำหรับใช้ในการเดินทางของเธอ มีเครื่องสูบบุหรี่ไฟฟ้า ของไกรเนอร์ ซึ่งมีน้ำมันกัญชา อันเป็นสารต้องห้ามไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ในรัสเซีย เธอถูกตัดสิน ช่วงวันที่ 4 ส.ค. ให้กักขังในทัณฑนิคมแห่งหนึ่ง เป็นเวลา 9 ปี ตามข้อกล่าวหา ครอง รวมทั้ง ลักลอบขนยาเสพติด

กระทรวงการต่างประเทศรัสเซียเปิดเผยว่า ได้แลกตัว ไกรเนอร์ กับ บูท วัย 55 ปี พลเมืองชาวรัสเซีย ที่เมื่อปี 2012 ถูกศาลแห่งหนึ่งของอเมริกา ตัดสินติดคุก 25 ปี ตามข้อกล่าวหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับอาชีพค้าอาวุธ ของเขา ทั้งนี้ เป็นเวลานานแทบ 2 ทศวรรษ บูท เป็นพ่อค้าอาวุธที่เลื่องลือที่สุด ของโลก เขาขายอาวุธให้กับรัฐอันธพาลต่าง ๆ บรรดากลุ่มกบฏ รวมทั้ง เหล่าหัวหน้านักรบ ในแอฟริกา ทวีปเอเชีย รวมทั้ง อเมริกาใต้

ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า การเตรียมพร้อมแลกตัวไกรเนอร์ เกิดขึ้นข้างใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจาก ไบเดน ตัดสินใจเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน ว่าจะกระทำแลกตัวเธอ กับ บูท แต่ว่าเงื่อนไขสำหรับในการอภัยโทษ บูท ยังไม่ครบถ้วนบริบูรณ์ จนกว่า วันพฤหัสบดี(8เดือนธันวาคม)

พ่อค้าแห่งความตาย3

ไบเดน รวมทั้ง กมาลา แฮร์ริส รองประธานาหัวหน้าสหรัฐอเมริกา ได้สนทนาทางโทรศัพท์กับไกเนอร์

จากห้องทำงานรูปไข่ ของทำเนียบขาว ร่วมด้วย เชอเรลล์ ภรรยาของไกรเนอร์ โดยทางทำเนียบขาว ได้เผยแพร่รูปการคุยโทรศัพท์ รวมทั้ง ไบเดน เปิดเผยว่า ไกรเนอร์ “มีกำลังใจดี” รวมทั้ง บอกให้เห็นถึงความเข้มแข็ง รวมทั้ง ความสง่าผ่าเผยอย่างน่าทึ่งตลอดระยะเวลาอันแสนร้ายแรง “ช่วงเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา ถือเป็นเวลานรกสำหรับ บริตนีย์ และ ภรรยา ครองครัว และ เพื่อนร่วมทีมของเธอ”

ในถ้อยแถลงร่วมระหว่างสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ รวมทั้ง ซาอุดีอาระเบีย กล่าวว่าผู้นำยูอีเอ รวมทั้ง มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เป็นแกนนำในความบากบั่นเป็นคนกลาง เพื่อรับประกันการปล่อยตัวไกรเนอร์ ในขณะที่พิธีกรทำเนียบขาว แสดงความขอบพระคุณซาอุดีอาระเบีย รวมทั้ง ประเทศอื่นๆที่พูดถึงในประเด็นนี้ แต่ว่ากล่าวว่าการเจรจาระหว่างรัสเซีย กับสหรัฐอเมริกา “ไม่มีคนกลางมาเกี่ยวข้อง”

อย่างไรก็ตาม การแลกเปลี่ยนตัวครั้งนี้ เรียกเสียงติชม จากสมาชิก รีพับลิกัน นิดหน่อยต่อผู้นำ ที่มาจาก พรรคเดโมแครต

อดีตผู้นำโดนัลด์ ทรัมป์ เย้ยหยันการแลกเปลี่ยนตัวผู้เล่นบาสเกตบอลเก็ตบอลรายหนึ่ง กับ วิคเตอร์ บูท ชายผู้อยู่เบื้องหลังการเสียชีวิต รวมทั้ง ได้รับบาดเจ็บอันน่าหวาดผวา หลายหมื่นหลายแสนคน โดยไม่ได้ตัว วีแลน พ่วงมาด้วย “อะไรจะโง่เขลาขนาดนั้น และ เป็นความไม่รักชาติที่น่าอับอายสำหรับสหรัฐฯ!” ทรัมป์ เขียนบนสื่อสังคมออนไลน์

ส่วน เควิน แม็คคาร์ธีย์ แกนนำ พรรครีพับลิกัน ในสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐอเมริกา เสริมว่า “นี่เป็นของขวัญที่มอบแก่ วลาดิมีร์ ปูติน และ มันเป็นอันตรายต่อชีวิตชาวอเมริกา”

กระนั้นทาง ไบเดน โต้ตอบว่า “มันคืองานของผม ในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐฯ สำหรับการตัดสินใจที่ยากลำบาก และ ปกป้องพลเมืองชาวอเมริกา ในทุกหนทุกแห่งในโลกใบนี้”

ไกรเนอร์ รับสารภาพผิด แต่ว่ากล่าวว่า เธอทำผิดพลาดโดยไม่ได้ตั้งใจ รวมทั้ง ไม่มีความตั้งอกตั้งใจล่วงล้ำกฎหมาย เมื่อเดือนที่แล้ว เธอถูกพาตัวไปยังทัณฑนิคมแห่งหนึ่ง ในแคว้นมอร์โดเวีย เพื่อชดใช้โทษติดคุก

เชอเรลล์ ไกรเนอร์ ซึ่งกล่าวว่าเธอรู้สึกตื้นตันอย่างมากมาย ได้กล่าวขอบพระคุณไบเดน รวมทั้ง คณะรัฐบาลของเขา สำหรับในการทำงานหนัก เพื่อหาทางให้ภรรยาของเธอได้รับการปล่อยตัว ทั้งนี้คาดหมายว่าเที่ยวบินของ ไกรเนอร์ จะลงจอดที่ซานอันโตนิโอ รัฐเทกซัส

สำหรับ วิคเตอร์ บูท เคยเป็นบุคคลที่เป็นที่ต้องการตัวสูงที่สุดในโลก ก่อนโดนจับจับในปี 2008 ในประเทศไทย ตามหลังกระทำการของสายลับอเมริกา ที่บันทึกเสียงการพูดคุยที่เขาเสนอขายอาวุธ ให้กลุ่มบุคคลที่เขามีความรู้สึกว่าเป็นพวกโจรฝ่ายซ้าย ของโคลอมเบีย รวมทั้ง ส่งตัวกลับมารับโทษ ต่อที่สหรัฐอเมริกา ทั้งนี้รายงานข่าวล่าสุด ของรอยเตอร์กล่าวว่า บูท ได้เดินทางถึงมอสโก เป็นที่เป็นระเบียบแล้ว

(ที่มา:รอยเตอร์)

1 ช้ำในตาย

เจ้าของบ้าน ซ้อมคนขโมยกัญชา ช้ำในตาย ตำรวจไม่จับ อ้างมีสิทธิ์ปกป้องทรัพย์สิน

ลุงย่อง ลักกัญชาเพื่อนบ้าน โดนกระทืบ ช้ำในตาย ตำรวจไม่ทำคดี อ้างเข้าไปลักขโมยของบ้านคนอื่น เจ้าของบ้าน สามารถคุ้มครองสินทรัพย์ได้

(6 ธ.ค.65) เมื่อเวลา 17.00 น. นางวรรณา อายุ 55 ปี ชาวบ้านพรเจริญ อ. วังสามหมอ จ. อุดรธานี พร้อมด้วยญาติ รวม 7 คนเข้าพบ พล.ต.ต.พิษณุ อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อุดรธานี เพื่อร้องขอความเป็นธรรม กรณี นายคำดี อายุ 49 ปี น้องชายเข้าไปลักขโมยกัญชา ของเพื่อนบ้าน ถูกเจ้าของบ้านจับได้ รวมทั้ง ทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง

2 ช้ำในตาย

นางวรรณา เล่าว่า สถานะการณ์ทั้งหมด เกิดขึ้นเมื่อระยะเวลาราวๆ 22.00 น. ของคืนวันที่ 15 เดือนพฤศจิกายน 2565

นายคำดี เป็นพ่อหม้าย มีลูกชายอายุ 18 ปี 1 คน อาศัยอยู่กระต๊อบที่นาของตน ตนยอมรับว่า นายคำดี เป็นคนเสพกัญชา ตั้งแต่วัยรุ่น ได้เข้าไปลักขโมยต้นกัญชา ของเพื่อนบ้านจริง รวมทั้ง ถูกเจ้าของบ้านจับได้ รวมทั้ง ถูกรุมทำร้ายร่างกาย ซึ่งนายคำดี พยายามที่จะคลานออกมาด้านนอกบ้าน แต่ว่า เจ้าของบ้านก็ตามมา กระทืบซ้ำหลายครั้ง จนกระทั่งนายคำดีนิ่งแน่ไป

ซึ่งหลังจากนั้น มีผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน รวมทั้ง ผู้ใหญ่บ้าน มาระงับเหตุ รวมทั้ง กักคุมตัวนายคำดี ไปที่ สถานีตำรวจภูธรวังสามหมอ โดนแจ้งข้อกล่าวหาทะเลาะวิวาท รวมทั้ง จับนายคำดีจำคุกเป็นเวลา 1 คืน ก่อนจะเปรียบปรับ 500 บาท รวมทั้ง ปล่อยตัวในวันที่ 16 เดือนพฤศจิกายน

หลังจากถูกปล่อยตัว นายคำดี ได้กลับมาที่บ้าน หลังจากนั้น มาก็นอนซมอยู่ที่บ้าน มาตลอด ไม่ออกมาจากบ้าน เพราะว่าร่างกายบอบช้ำอย่างหนัก รวมทั้ง กินข้าวปลาของกินไม่ได้ อาเจียนเป็นเลือด อุจจาระเป็นเลือด แต่ว่าญาติไม่รู้ เพราะว่า นายคำดี ไม่ได้ออกจากบ้าน ตราบจนกระทั่ง วันที่ 23 เดือนพฤศจิกายน มีเพื่อนบ้านมาบอกว่า นายคำดีอาการไม่ดี ญาติก็เลยพากันนำตัวส่งโรงพยาบาลวังสามหมอ นอนพักรักษาตัวอยู่ราวๆ 3 – 4 วัน

แล้วต่อจากนั้นก็กลับไปอยู่ที่บ้านวันที่ 27 เดือนพฤศจิกายน เพราะว่า นายคำดี ปฎิเสธการดูแลและรักษา ไม่อยากให้หมอ ใส่สายยางให้อาหารทางจมูก ซึ่งตอนนั้นหมอไม่ได้รับข้อมูล ว่า นายคำดี ถูกทำร้ายร่างกายมา ตราบจนกระทั่งเสียชีวิต ตอนวันที่ 1 ธ.ค. รวมทั้ง ทำการการเผาศพวันที่ 2 ธ.ค.

หลังจาก นายคำดี เข้าไปลักขโมยกัญชา แล้วโดนเจ้าของบ้านซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) จนกระทั่งบาดเจ็บอย่างรุนแรง รวมทั้ง ไปนอนรักษาตัวที่บ้าน ยาวนานกว่า 2 สัปดาห์ ไม่สามารถที่จะเดิน หรือ กินอาหารได้ หลังแล้วต่อจากนั้นก็เสียชีวิต

แต่ว่าพอไปแจ้งตำรวจ กลับไม่ทำคดีให้ โดยกล่าวถึงว่า นายคำดี เข้าไปลักขโมยของที่บ้านของคนอื่น ด้วยเหตุนี้เจ้าของบ้าน ก็เลยสามารถคุ้มครองสินทรัพย์ของตนได้

รวมทั้ง มีหลักฐานจากภาพวงจรปิด เวลาที่ นายคำดี ไปลักขโมยกัญชาก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ซึ่งพวกตนมีความรู้สึกว่าไม่ถูกต้อง เพราะว่า นายคำดี ไม่เคยมีประวัติการเจ็บป่วยมาก่อน อีกทั้งหลังจากที่ถูกซ้อม (ทำร้ายร่างกาย) มา ก็เกิดลักษณะของการเจ็บเจ็บไข้จนกระทั่งเสียชีวิต

ก่อนหน้าที่ผ่านมา พวกตนเคยไปพบคู่พิพาทแล้ว แต่ว่าตกลงกันไม่ได้ ก็เลยไปพบตำรวจ เพื่อแจ้งเหตุฟ้องร้องคดี กับคนประทุษร้าย นายคำดี ตำรวจก็กล่าวขู่ข้างของตน จนกระทั่งส่งผลให้เกิดความหวาดกลัว รวมทั้ง ไม่กล้าที่จะแจ้งเหตุ

3 ช้ำในตาย

จากสถานะการณ์ เจ้าของบ้าน ซ้อมคนลักขโมยกัญชาจนกระทั่ง ช้ำในตาย

นางวรรณา ยังเล่าอีกว่า ตั้งแต่ถูกทำร้ายร่างกายจนกระทั่งเจ็บ คู่พิพาท ไม่เคยมาเยี่ยม ถามไถ่ หรือ ไม่เคยมาช่วยเหลืออะไรเลย ตำรวจติดต่อไปเพื่อมาไกล่เกลี่ย ก็ไม่ยินยอมมา ตราบจนกระทั่ง นายคำดี เสียชีวิตไป

คู่อาฆาตยังมีหน้ามาบอกว่า ถ้าหากอยากได้เงินก็ไปฟ้องร้องเอา เพราะจะฟ้องร้องกลับ ที่มาลักขโมยต้นกัญชา ราคาเป็นแสนด้วย ซึ่งหลังจากที่ นายคำดี เสียชีวิตแล้ว ได้พยายามที่จะไปติดต่อกับตำรวจ แต่ว่าตำรวจกลับพูดว่า พวกตนผิด

เพราะไปลักขโมยในยามวิกาล ซึ่งตอนนั้น ตนเองก็ไม่รู้จะทำเช่นไร แต่ว่าก็ยอมรับว่าผู้เสียชีวิตไปลักขโมยจริง รวมทั้ง ไม่มีแนวทางช่วยเหลือ รู้สึกน้อยใจตำรวจ

อ้างแต่เพียงว่า พวกตนผิดทุกอย่าง คนตายทั้งคน ซึ่งตำรวจก็ยังยืนยันว่าข้างตนผิด ซึ่งตนมีความรู้สึกว่า เพราะเหตุใดฆ่าคนตายทั้งคน กลับปราศจากความผิด เพราะเหตุใดตำรวจไม่ให้ความช่วยเหลือ ก็เลยมาร้องขอความยุติธรรม กับผู้บังคับบัญชาตำรวจภูธรจังหวัดอุดรธานี

ด้าน พล.ต.ต.พิษณู อุณหเสรี ผบก.ภ.จ.อดรธานี เผยออกมาว่า พร้อมให้ความเป็นธรรมกับทั้งสองฝ่าย ซึ่งตอนนี้ เพิ่งจะได้รับฟังฝ่ายเดียว แต่ว่าจากข้อมูลที่ได้รับฟังมั่นใจว่า จะสามารถแจ้งข้อกล่าวหา คู่อริได้ คือ ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา หรือ กระทำการโดยประมาท ส่งผลให้ผู้อื่นถึงแก่กรรม

จะสั่งให้พนักงานที่มีหน้าที่สำหรับสอบสวน สภ.วังสามหมอ เร่งดำเนินงานสืบสวน พยาน ทั้งสองฝ่าย

รวมทั้ง ถ้าหากญาติผู้เสียชีวิตมั่นใจว่า มีพยานอื่น หรือหลักฐานอื่น ก็นำมาให้ตำรวจ นอกนั้นผลวินิจฉัยการเสียชีวิตของหมอ ก็เป็นหลักฐาน ซึ่งจำเป็นต้องไปสอบสวนคำให้การ จากหมอสำนักงานรักษา ขอรับรองว่าตำรวจจำเป็นต้องรับแจ้งเหตุแน่นอน รวมทั้ง ให้ทั้งสองฝ่าย ไปพิสูจน์ความจริงกันบนศาล

1 อุ๊งอิ๊ง

“อุ๊งอิ๊ง-SC Asset” งานเข้า! เป็นเจ้าของหมู่บ้านทุนจีน โยง “สีเทา” “อั้ม เนโกะ” ฟาด “เจี๊ยบ ก้าวไกล” ล้าหลัง

“เพจดัง” เปิดโปง อดีตบิ๊กสีกากียุค “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” หนุนออกชนชาติไทยให้ “ตู้ห่าว” พบหมู่บ้านทุนจีน โยง “สีเทา” มีโครงงานของ SC Asset – อุ๊งอิ๊ง หุ้นใหญ่ด้วย “อัม เนโกะ” ฟาด “เจี๊ยบ” ร่วมกิจกรรมฝั่งขวา เยอรมนี

น่าดึงดูดเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (30 พฤศจิกายน 65) เพจเฟซบุ๊ก The METTAD แชร์วิดีโอจากเพลย์ลิสต์ TOP HIGHLIGHT พร้อมข้อความระบุว่า “#แอดปอง รายงาน”

โดยเนื้อหารายงาน ระบุว่า ตำรวจค้นรังหมู่บ้านหรูโครงข่าย “ตู้ห่าว” ยึดเงินสด รถยนต์หรู แหล่งซ่อนตัวมาเฟียทุนจีนโยงอสังหาฯคนเชื้อสายชินฯ ถึงว่าเพราะเหตุใด “พท” รูดซิปปาก รัฐบาลล้างบางทุนจีนสีเทา เพราะมีสมัยก่อนบิ๊กนายพลสีกากียุค “ยิ่งลักษณ์-ทักษิณ” สนับสนุนออกชนชาติไทยให้ “ตู้ห่าว” เปิดทางสบายเข้ามาทำธุรกิจสีเทา ก็เลยเงียบเป็นเป่าสากไม่โจมตีรัฐบาล กลัวจะเข้าเนื้อตัวเอง

ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา เพจเฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ ภาพกราฟิกเชื่อมโยงความผิดปกติ พร้อมข้อความระบุว่า

“พอทุนจีนเริ่มสนุกขึ้น แต่สื่อกลับเงียบปาก
ฝาก Thai PBS สื่อน้ำดี ขยี้หน่อยครับ”

นอกจากนี้ ได้แชร์เว็บไซต์ สถาบันทิศทางไทย – Thai Move Institute ระบุว่า

“ข้อเท็จจริง หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ทุนจีนสีเทาเหมาซื้อ พบ“อุ๊งอิ๊ง” ถือหุ้นใหญ่

ไทยรัฐรายงาน ตำรวจไปบุกค้นบ้านทุนจีนสีเทาใน หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท รวมทั้ง หมู่บ้านอื่น ข่าวเจาะจงมีการซื้อเหมาเกือบจะยกโครงการ 50 หลัง จาก 66 หลัง

หมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท เจ้าของโครงการเป็น SC Asset

2 อุ๊งอิ๊ง

รายนามผู้ถือหุ้น SC Asset อันดับ 1เป็น อุ๊งอิ๊ง นางสาว แพทองธาร ชินวัตร

ทั้งนี้ ช่วงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 เจ้าหน้าที่ตำรวจสนธิกำลังตำรวจ บช.สอท. ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ (คอมมานโด) ตำรวจท่องเที่ยว รวมทั้ง ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ล้อมตรวจค้น 11 จุด ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมทั้ง จ.สมุทรปราการ เพื่อหาหลักฐานตรวจยึด ของผิดกฎหมายของ กลุ่มทุนจีนสีเทา

ตำรวจกระจายกำลัง เข้าตรวจค้นบ้านเป้าหมายโครงข่ายกลุ่มทุนจีนสีเทา 10 หลัง ในโครงการบ้านหรู 4 แห่ง ประกอบด้วย บ้านหรู 4 หลัง ในหมู่บ้านหมู่บ้าน แกรนด์ บางกอก บลูเลอวาร์ด สุขุมวิท ตรอก แบริ่ง – ลาซาล ตำบลสำโรงเหนือ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นโครงการบ้านหรู หลังละกว่า 50 ล้านบาท บ้านหลังที่ 5 รวมทั้ง 6 ในหมู่บ้านทรูแกรนด์ โมนาโก ตรอกกาญจนาภิเษก 50 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพมหานคร บ้านหลังที่ 7 ม.บุราสิริ วัชรพล ถนน สุขาภิบาล 5 แขวงออเงิน เขตสายไหม กรุงเทพมหานคร บ้านหลังที่ 8 , 9 รวมทั้ง 10 ในหมู่บ้านลดาวัลย์ ราชพฤกษ์ – ปิ่นเกล้า ถนน ราชพฤกษ์ แขวง บางละมาด เขตตลิ่งชัน กรุงเทพมหานคร สามารถยึดรถยนต์ โตโยต้า อัลพาร์ด 5 คัน ตู้นิรภัย 4 ตู้ ยาชูกำลัง ซึ่งแสดงฉลากเป็นภาษาจีนจำนวนหลายชิ้น ยาสูบจีน รวมทั้ง เหล้าองุ่นหนีภาษีปริมาณหนึ่ง ยาสูบไฟฟ้า อุปกรณ์เล่นไพ่นกกระจอก ตลอดจน กระเป๋าเสื้อผ้าแบรนด์เนม ปริมาณหนึ่ง ก็เลยยึดไว้ตรวจตรา

3 อุ๊งอิ๊ง

การเข้าตรวจค้นบ้านหรู ในหมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด

ซึ่งจากกระบวนการสืบสาว ทราบดีว่า มีกลุ่มทุนจีน ใช้หมู่บ้านดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว เป็นที่พักอาศัย เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึด รถยนต์อัลพาร์ท ยาชูกำลัง ซึ่งแสดงฉลากเป็นภาษาจีน จำนวนหลายชิ้น ยาสูบจีน รวมทั้ง เหล้าองุ่นหนีภาษีปริมาณหนึ่ง ตู้นิรภัย 3 ตู้ ยาสูบไฟฟ้า อุปกรณ์เล่นไพ่นกกระจอก ตลอดจนกระเป๋า เสื้อผ้าแบรนด์เนม ปริมาณหนึ่ง ซึ่งในส่วนนี้ ตรวจยึดเพื่อตรวจดู นอกจากนี้ ยังได้ไปตรวจค้นห้องพัก ภายในคอนโดฯหรู ย่านเจริญนคร ซึ่งมีมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท เบื้องต้นยึดเงินสด โฉนดที่ดิน เครื่องเพชรพลอยรถยนต์ ปอร์เช่ รุ่น 911 รถยนต์เบนซ์ รุ่น G calss 2 คัน รวมทั้ง รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ท สีขาว ไว้ทำการตรวจดู

มีกล่าวว่า กระบวนการสืบสาว พบว่า หมู่บ้านแกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด แต่ละหลัง มีมูลค่าสูงยิ่งกว่า 50 ล้านขึ้นไป โดยมีคนจีนที่เข้ามากว้านซื้อ เพื่อยืนยันกลุ่มชนจีน ด้วยกันที่เดินทางมาในประเทศไทย โดยจะมีแม่บ้าน รอดูแลทำความสะอาด ความเรียบร้อยในบ้านพักให้ อีกทั้ง ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาพบว่า จะมีกลุ่มชนจีนที่เป็นนักเที่ยว มีความเชี่อมโยงกับผับจินหลิง แวะเวียนมาเล่นไพ่ คบหาสมาคม ที่บ้านหรู ภายในโครงการ ดังที่กล่าวผ่านมาแล้วด้วย

วันหลัง นายชัยณัฐร์ กรณ์ชายานันท์ หรือ ตู้ห่าว เข้ามอบตัวกับตำรวจ ทำให้คนจีนกลุ่มดังที่กล่าวผ่านมาแล้ว ได้ขนถ่ายข้าวของเครื่องใช้ในบ้าน รวมทั้ง นำรถยนต์หรูไปซุกซ่อนตามจุดต่าง ๆ ก่อนตำรวจ จะเข้ามาตรวจค้น เหลือเพียงคนที่ยังไม่รู้เรื่องข่าว การเคลื่อนไหวของนาย ตู้ห่าว หรือบ้านคนจีนบางหลัง ก็เหลือไว้เพียงแค่คนใช้ รวมทั้ง แม่บ้านชาวไทยแค่นั้น ในส่วนหลักฐานทั้งปวง จากการตรวจค้น 11 จุด ชุดสืบสาวตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานทางคดี รวมทั้ง จะให้ผู้ครอบครอง มาปรากฏตัวกับอธิบาย การได้มาซึ่งสินทรัพย์ที่ต้องสงสัย

4 อุ๊งอิ๊ง

รายงานข่าวระบุว่า การตรวจค้นทั้ง 11 จุด

ในคราวนี้ เป็นการขยายผล จากการตรวจค้นจากยุทธการ ล้มไม้ค้ำ ลิดกิ่งก้าน ที่ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ได้ตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยว่าเป็นที่พักอาศัย รวมทั้ง ใช้สำหรับในการทำไม่ดีกลุ่มบุคคลทุนจีนสีเทา รวมทั้ง กระบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ในพื้นที่กรุงเทพฯ 3 จุด เมื่อต้นเดือนก่อนหน้าที่ผ่านมา

ที่น่าดึงดูดไม่แพ้กัน นายศรัณย์ ฉุยฉาย หรือ อั้ม เนโกะ ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง ซึ่งหลบภัย อยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส โพสต์เฟซบุ๊ก พร้อมแคปรูปทวิตเตอร์ ของ นางอมรัตน์ โชคปมิตต์กุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุว่า

“ความทุเรศของนักการเมืองไทยที่สังกัดอยู่กับพรรค กับกลุ่มที่ชอบอ้างว่าตัวเองก้าวหน้า ก้าวไกล แต่กลับทำตัวล้าหลังไปร่วมกิจกรรมกับพรรคการเมืองฝ่ายขวาอนุรักษนิยมของเยอรมนี

CSU นอกจากจะเป็นพรรคที่สนับสนุนระบบเศรษฐกิจแบบทุนนิยมแล้ว พรรคนี้ยังเป็นพรรคที่เอาศาสนา (คริสต์) มายุ่งกับการเมือง ซึ่งตรงกันข้ามกับอุดมการณ์ของรัฐโลก วิสัยที่ต้องการแยกศาสนาออกจากการเมือง

นี้นะหรอตัวแทนนักการเมืองไทย ที่มาจากฝั่งที่ทำตัวเป็นก้าวหน้า ชอบออกตัวว่า มีหลักการกว่าพรรคอื่น แต่ที่แท้ก็แค่พรรคการเมืองฝ่ายขวา ทำมาพูดว่าจะสร้างรัฐสวัสดิการ ไม่เอาทุนผูกขาด แต่ไม่แตะระบบทุนนิยมทั้งโครงสร้าง แบบนี้เขาเรียกว่า #ปลอม ค่ะ !”

แน่ๆ, ใจความสำคัญที่น่าดึงดูด อยู่ที่ “กลุ่มทุนจีน” ซึ่งเกี่ยวพัน “ธุรกิจสีเทา” รวมทั้ง ใช้ “นอมินี (ตัวแทน)” ซื้อบ้านในหมู่บ้านหรู ที่มีนักการเมือง “ดัง” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ นอกจากนี้ “ตู้ห่าว” ผู้ต้องหา คนสำคัญของ “ทุนจีนสีเทา” ยังได้ ชนชาติไทย ในสมัยรัฐบาลพรรคเพื่อไทยอีกด้วย

เมื่อเป็นแบบนี้ ทำให้การขยายผลตรวจค้น ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้รับความพึงพอใจอย่างมาก รวมทั้งสื่อที่วางตัวเป็นกลาง ก็ให้ความเอาใจใส่กับประเด็นนี้

แม้กระนั้น การที่ “ทุนจีน” ซึ่งบางทีอาจเกี่ยวพันธุรกิจสีเทา ไปซื้อหมู่บ้านโครงการใหญ่ ของ นักการเมืองดัง บางทีอาจไม่ได้เกี่ยวข้องกันก็เป็นไปได้?

แม้กระนั้นในทางการบ้านการเมือง เมื่อกระแสข่าว ออกมาในทำนองนี้ ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยมั่นใจว่า “งานเข้า” นักการเมืองดังแน่ ยิ่งในช่วงออกหาเสียงอยู่ด้วย

โควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ 1

โควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ดื้อต่อภูมิคุ้มกัน ติดเชื้อง่าย-แพร่ได้มากขึ้น

“นายแพทย์ธีระ” เผย โควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ ดื้อต่อภูมิคุ้มกันทั้งจากวัคซีน มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อได้ง่ายขึ้นหรือแพร่กันได้เพิ่มมากขึ้น

รองศาสตราจารย์นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ภาควิชาแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat บอกว่า 29 พฤศจิกายน 2565… เมื่อวานทั้งโลกติดเพิ่ม 174,759 คน ตายเพิ่ม 778 คน รวมแล้วติดไป 646,366,341 คน เสียชีวิตรวม 6,637,358 คน

5 อันดับแรก ที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ บราซิล ไต้หวัน และก็ฝรั่งเศส

เมื่อวานนี้ปริมาณติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและก็ทวีปเอเชียครอบครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และก็ 13 ใน 20 อันดับแรกของโลก

ปริมาณติดเชื้อใหม่ในทุก ๆ วันของทั้งโลกในตอนนี้ มาจากทวีปเอเชีย และก็ ยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 76.25 ของทั่วทั้งโลก เวลาที่ปริมาณการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 74.93

โควิดสายพันธุ์ย่อย2

…ลักษณะสายพันธุ์ย่อยในประเทศออสเตรเลีย

Esterman A. ได้เผยแพร่เนื้อหาสาระเกี่ยวกับโควิด-19 ที่ระบาดในประเทศออสเตรเลียช่วงนี้ พบว่าเป็นไปในลักษณะมากมายสายพันธุ์แบบ variant soup

โดยมีอีกทั้ง BA.5 39%, BA.2.75 26%, BQ.1 19%, XBB 4% และก็อื่น ๆ

ลักษณะดังที่กล่าวถึงมาแล้ว เป็นที่คาดการณ์กันว่าประเทศอื่น ๆ ก็จะเป็นไปในลักษณะนี้ โดยมีสายพันธุ์ย่อยใหม่ ที่น่าวิตกดังเช่น BQ.1.x, XBB, BA.2.75.x ที่อาจมีสัดส่วนสูงแตกต่างกันไปในแต่ละทวีป และก็จะมาเทคโอเว่อร์ BA.5 ในเวลาไม่นาน ดังนี้ BQ.1.x จะครอบครองสัดส่วนนำ ในอเมริกา และก็ ยุโรป ส่วน BA.2.75.x และก็ XBB จะเด่นในแถบทวีปเอเชีย

การระบาดในไทยเรามีทิศทางจะเป็นไปในแนวทางข้างต้น

…ตีระฆังเตือนการันตีประเด็นการดื้อต่อภูมิคุ้มกัน

ทีมงานของ David Ho จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศอเมริกา ได้เผยแพร่ผลการวิจัยใน bioRxiv เมื่อวานนี้ 28 พฤศจิกายน 2565

โควิดสายพันธุ์ย่อย3

ชี้ให้เห็นว่า โควิดสายพันธุ์ย่อยใหม่ ที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็น BQ.1.x และก็ XBB นั้น

ดื้อต่อภูมิคุ้มกันทั้งยังจากวัคซีน และก็การที่เคยติดเชื้อมาก่อน มากยิ่งกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ที่เคยระบาดมาก่อนหน้านี้อย่างมาก

แม้ข้อมูลทางสถานพยาบาลในขณะนี้ ยังไม่มีหลักฐานการันตีว่าจะมีผลให้เจ็บไข้รุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าสายพันธุ์ที่เคยระบาดเดิม

แต่สมรรถนะการดื้อต่อภูมิคุ้มกันที่มากขึ้นนั้น ย่อมส่งผลทำให้มีโอกาสที่จะมีการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น หรือ แพร่กันได้เพิ่มมากขึ้นเป็นเงาตามตัว

อย่างนี้เอง ที่เป็นตัวตอกย้ำให้เห็น ถึงจุดสำคัญของการป้องกันตัว ระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งประเด็นการใส่หน้ากาก หลีกเลี่ยงความประพฤติเสี่ยง หลีกเลี่ยงสถานที่แออัดระบายอากาศไม่ดี รักษาความสะอาด และก็ เว้นระยะห่าง จากบุคคลอื่น

Personal protective behaviors เป็นเกราะป้องกันที่สำคัญที่สุด

…ทางเดินประวัติศาสตร์การแพร่ ของแต่ละสายพันธุ์

โควิด-19 แพร่ระบาดมายาวนานหลายปี โดยมีสายพันธุ์ที่มากมาย

หากเปรียบเทียบกันตัวต่อตัว จะพบว่า ในระยะเวลา 100 วันแรกของการระบาด สายพันธุ์ Omicron นั้นแพร่กระจายไปต่างประเทศทั้งโลกได้มากกว่าสายพันธุ์อื่น ที่ระบาดมาก่อน ถึง 5 เท่า

แต่ละระลอกก่อนหน้าที่ผ่านมา ตั้งแต่สายพันธุ์ดั้งเดิม (Wuhan: Wild type), เบต้า, แกมม่า, อัลฟ่า, เดลต้า, และ Omicron นั้น ก็มีลักษณะของ ทวีปที่มีการระบาดหนัก ก่อนกระจายไปยังทวีปอื่น ๆ ที่แตกต่างกันไป

…สำหรับระลอกอนาคตนั้น ลักษณะการระบาดคงจะมีทิศทางแตกต่างไปจากสมัยก่อน เนื่องจากมีต้นเหตุประเด็นการเดินทางระหว่างประเทศเกิดขึ้นมาก การระบาดจะเป็นลักษณะมากมายสายพันธุ์ ผันแปรกับการนำเข้า ส่งออก รวมทั้งสมรรถนะของไวรัสแต่ละสายพันธุ์ ความประพฤติการป้องกันตัว และก็ การใช้ชีวิตของพลเมือง จำพวก และก็ความครอบคลุมของวัคซีนที่ใช้ และก็อื่น ๆ

ผลพวงที่จะเกิดขึ้น อีกทั้งในด้านปริมาณการติดเชื้อ การป่วย การเสียชีวิต และก็ Long COVID นั้น จึงมีโอกาสสูง ที่จะผันแปรกับหลักการควบคุมป้องกันโรค และก็ ความพร้อมเพรียง “จริง” ของระบบสาธารณสุขของประเทศนั้น อีกทั้งเรื่องยาที่ตามมาตรฐาน วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ บริการดูแลต่าง ๆ ว่าประชาชนในประเทศ จะเข้าถึง และก็ พึ่งได้ไหม ยามที่เกิดปัญหา

คำตอบที่พึงปรารถนาของทุกสังคม คือ ยามวิกฤติ ประชาชนสามารถพึ่ง และก็ได้รับความช่วยเหลือดูแลอย่างทันท่วงที มีประสิทธิภาพ โดยทั้งหมด

ไม่ต้องพบเจอกับภาวะท้อแท้ รอคอย กระทั่งจำเป็นต้องดิ้นรนทุบกระปุกขวนขวายหาทางรอด กันเอาเองแบบ อัตตาหิ อัตตโน นาโถ

…เหตุการณ์ปัจจุบันนั้น จำเป็นต้องใช้ชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาทในการดำรงชีพ

ปกป้องอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งช่วงดำเนินงาน เรียน หรือท่องเที่ยว

ฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นให้ครบตามที่ได้มีการกำหนด

ใส่หน้ากากอย่างถูกต้อง จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก

นอกเหนือจากนี้ ยังคงพบลักษณะของการสูญเสียการได้กลิ่น และก็การรู้รส พบอาการไม่ดีเหมือนปกติเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร กรุ๊ปลักษณะของระบบทางเดินหายใจ หายใจถี่ หายใจติดขัด และก็กรุ๊ปอาการนอกระบบ ที่ไปคล้ายคลึงกันกับสายพันธุ์เดลตาได้เช่นกัน

สำหรับคนที่สัมผัสเสี่ยงสูง หรือมีลักษณะอาการเสี่ยงติดเชื้อ แนะนำให้ตรวจ ATK ด้วยตนเอง โดยควรที่จะเลือก ATK ที่ได้รับมาตรฐาน และก็ มีค่าความไว (Sensitivity) และก็ ค่าความจำเพาะ (Specificity) ไม่น้อยกว่า 90%

อ้างอิง

1. Wang Q et al. Alarming antibody evasion properties of rising SARS-CoV-2 BQ and XBB subvariants. bioRxiv. 28 November 2022.

2. Tegally H et al. Global Expansion of SARS-CoV-2 Variants of Concern: Dispersal Patterns and Influence of Air Travel. medRxiv. 27 November 2022.

ข้อมูลจาก รองศาสตราจารย์นพ.ธีระ วรธนารัตน์

โควิดสายพันธุ์ย่อย4